วัดพระธรรมกาย....ความไม่ชอบธรรม/ลุแก่อำนาจ/ผิดหลักการกฎหมาย วอนสังคมตรวจสอบ???

ความไม่ชอบธรรม 

ผิดหลักกฎหมายในการตั้งข้อกล่าวหา

พระเทพญาณมหามุนี???

การดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาแก่พระเทพญาณมหามุนี ว่าสมคบกันฟอกเงินและรับของโจร ในคดีพิเศษที่ 27/2559 เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ด้วยเหตุผลดังนี้

1. กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 

ทางดีเอสไอดำเนินการสอบสวนในคดีพิเศษที่ 146/2556 และได้ส่งสำนวนสอบสวนไปยังอัยการแล้ว โดยไม่มีพระเทพญาณมหามุนีอยู่ในฐานะผู้ต้องหา 

ซึ่งหลักกฎหมายมีอยู่ว่า มูลคดีใดที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปยังอัยการแล้ว อำนาจในการพิจารณาสั่งคดีจะอยู่ที่อัยการ พนักงานสอบสวนจะไปสอบสวน และตั้งข้อหาบุคคลอื่นอีกในมูลคดีเดิมนั้นเพิ่มโดยพลการไม่ได้

2. โดยคดีนี้อัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สอบสวนเพิ่มเติม ในมูลคดีเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของเช็คจำนวน 878 ฉบับ 

ซึ่งในจำนวนนี้พนักงานสอบสวนได้มาสอบปากคำพระเทพญาณมหามุนี กรณีรับเช็คสหกรณ์คลองจั่น จากนายศุภชัย จำนวน 10 ฉบับ 
   และ DSI ได้รวบรวมสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมทั้งหมดในคดี 146/2556 นี้ ส่งไปให้อัยการเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2558 
   แล้ว DSI เสนอให้ทางอัยการสั่งตั้งข้อหาสมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร แก่พระเทพญาณมหามุนี แต่...

3. อัยการพิจารณาสั่งคดีที่ 146/2556 โดยไม่สั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี แต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2559 จึงมีคำสั่งเพียงว่า 
   หากปรากฏพยานหลักฐานว่ามีบุคคลอื่นร่วมสมคบ หรือสนับสนุนการกระทำผิด ก็ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายต่อไป

จากข้อ 1-3 หมายความว่า คดีที่ 146/2556 อัยการได้สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ซึ่งแปลว่าจบแล้ว

4. ต่อมา DSI กลับแถลงข่าวว่าจะตั้งข้อหารับของโจร กับพระเทพญาณมหามุนี

ดังนั้น ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ทนายความผู้รับมอบอำนาจของพระเทพญาณมหามุนี ได้ทำหนังสือสอบถามทางอัยการว่า DSI มีอำนาจแยกคดีตั้งข้อหาเองในกรณีนี้หรือไม่?

ในกรณีนี้ ได้รับคำตอบจากอัยการว่า DSI จะต้องทำการสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม แล้วส่งมาให้ทางอัยการพิจารณาสั่ง จะไปแยกคดีตั้งข้อหาเองไม่ได้

5. ทนายความผู้รับมอบอำนาจได้ทำหนังสือแจ้งคำตอบจากอัยการ ให้กับอธิบดี DSI ทราบ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559

6. นายธรรมนูญ อัตโชติ แจ้งความกล่าวโทษพระเทพญาณมหามุนี ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งเป็นคดีที่ 27/2559 ขึ้น 

จากนั้นในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2559 ได้ออกหมายเรียก พระเทพญาณมหามุนีไปพบ ในฐานะผู้ต้องหาสมคบกันฟอกเงินและรับของโจร  

เห็นได้ว่า ในกรณีข้อ 4-6 อาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (ตามนัยยะคำพิพากษาฎีกา ที่ 9/2481)

7. ดังนั้นในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 นายพัฐจักร เทพษร ศิษยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกาย ได้ไปกล่าวโทษต่อ ปปช. ในฐานความผิดข้อ 4-6

ว่าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีที่ 27/2559 นี้ 
   เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มาตรา 200 มาตรา 83 มาตรา 86 แล้ว 
   และกล่าวโทษนายธรรมนูญ อัตโชติ ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด

8. กระบวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีที่ 27/2559 นี้ มีความไม่ชอบธรรมหลายประการ 

อาทิ มีการตั้งข้อหาคดีพิเศษ และออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหาอย่างรวดเร็ว 
   เมื่อพระเทพญาณมหามุนีขอเลื่อนการพบ พนักงานสอบสวนด้วยเหตุอาพาธ โดยมีใบรับรองแพทย์จากทั้งคลินิกและโรงพยาบาลของรัฐไปแสดง 

 แต่พนักงานสอบสวนกลับไม่อนุญาต โดยไม่มีการให้แพทย์จากหน่วยงานกลางมาตรวจอาการ ว่าท่านป่วยจริงหรือไม่ แต่ไปขอศาลออกหมายจับเลย

9. คณะศิษยานุศิษย์มีข้อสงสัยว่า การตั้งคดีที่ 27/2559 ของทางดีเอสไอน่าจะไม่ถูกต้อง 

ผิดหลักกฎหมายมาตั้งแต่ต้น จึงไม่มีความชอบธรรมในการดำเนินคดี 
"เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆ มาก็ผิดไปหมด"

คณะศิษยานุศิษย์จึงจะแจ้งความดำเนินคดี ผู้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทุกคน ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อมิให้เจ้าพนักงานลุแก่อำนาจ ปฏิบัติหน้าที่ตามอำเภอใจ เป็นการสร้างมาตรฐานความถูกต้องชอบธรรมทางกฎหมายให้เกิดขึ้นแก่สังคมต่อไป

นายองอาจ ธรรมนิทา

โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย

17 พฤษภาคม 2559

รับของโจรหรือฟอกเงิน? คลิปนี้คือคำตอบ

ทำไมหมายเรียกไม่มา หมายจับรีบมา?

ทำไม DSI ยังขอออกหมายจับ?
ทั้งที่ทนายยื่นใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรัฐแล้ว