DSI ไม่มีใครทำลาย มีแต่ทำร้ายตัวเอง
* DSI ไม่มีใครทำลาย มีแต่ทำร้ายตัวเอง *
ถอดสมการข่าว
โดย สถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา
- ผู้ต้องหาเสียชีวิตในที่คุมขังของ ดีเอสไอ
- ย้ายรองอธิบดี 2 คน
- 2 คน ถูกกล่าวหาพัวพันรับเงินจากผู้ต้องหาคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับองค์กรสำคัญอย่าง ดีเอสไอ ภายในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แน่นอนว่า ทุกเหตุการณ์สั่นคลอนต่อความน่าเชื่อถือของ ดีเอสไอ อย่างมาก เริ่มจากประเด็นแรก
นายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาคดีออกเอกสารสิทธิมิชอบ ในจังหวัดภูเก็ตและพังงานับหมื่นล้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ใช้เวลาหลายปีติดตามตัวมาได้
กลับมาเสียชีวิตในระหว่างถูกคุมขังที่ห้องขังของดีเอสไอ ระหว่างรอนำตัวไปศาล พร้อมอาการ “ตับแตก” ที่ไม่สอดคล้องกับคำแถลงว่า ผู้ต้องหาผูกคอตาย ...
ผ่านมานับ 2 เดือน คดีนี้ ยังเป็นปริศนาที่ไม่คลี่คลาย เพราะกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุใช้ไม่ได้ มีเพียงคำเฉลยที่กำกวมจากพนักงานสอบสวน “นายธวัชชัย ถูกทำให้ตาย”
เรื่องร้อนเรื่องแรกยังไม่เคลียร์ เรื่องใหม่ตามมาทันที เมื่อสองสามี – ภรรยา ที่ทำงานอยู่ในดีเอสไอ ถูกคำสั่งพักราชการและสวบสวนความผิดทางวินัย หลังตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินพบเกี่ยวพันกับการซื้อ-ขายที่ดิน ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในส่วนค่านายหน้า ซึ่งมีข้อกล่าวหาว่า 2 คนนี้ เกี่ยวพันกับเงิน 40 ล้านบาท จากค่านายหน้า 60 ล้านบาท
เรื่องร้อนถาโถม ในเวลาเดียวกันกับที่ ดีเอสไอ ยังไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีนี้ มาดำเนินคดีได้ “พระธัมมชโย”
เมื่อผนวก 2 ประเด็นนี้เข้าด้วยกัน ยิ่งน่าสนใจ เมื่อมีผู้ต้องหาเสียชีวิตในห้องขัง ในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่มีเจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหาพัวพันกับเงินโดยมิชอบในคดีสำคัญ แม้ทั้ง 2 เรื่อง จะต่างกรรมต่างวาระ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “น้ำหนัก ความชอบธรรม” ของ ดีเอสไอ ในการทำคดีใหญ่อย่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ลดลงอย่างมาก
การจะนำ “พระธัมมชโย” เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยิ่งยากกว่า เมื่อในห้องขังของดีเอสไอ ถูกตีตราเป็นสถานที่ไม่ปลอดภัยไปแล้ว คดีที่ทำมา ก็มีรอยด่างพร้อยเรื่องการรับสินบนไปด้วย
หากในทางยุทธศาสตร์ หากมีความคาดหวังที่จะทลายฐานที่มั่นสำคัญทางการเมืองหรือทางการเงินของฝ่ายตรงข้าม ก็ดูเหมือนจะมีแต่หน่วยงานนี้เท่านั้นที่มีศักยภาพทำได้ “ดีเอสไอ”
แต่..... คงต้องดูก่อนว่า ผู้ต้องหา กับ พนักงานสอบสวน “ใคร” อาการหนักกว่ากัน
มีข้อมูลในเชิงลึกว่า ดีเอสไอ ที่เอาหัวกะทิจากทุกด้านมาอยู่ด้วยกัน
เรื่องร้อนเรื่องแรกยังไม่เคลียร์ เรื่องใหม่ตามมาทันที เมื่อสองสามี – ภรรยา ที่ทำงานอยู่ในดีเอสไอ ถูกคำสั่งพักราชการและสวบสวนความผิดทางวินัย หลังตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินพบเกี่ยวพันกับการซื้อ-ขายที่ดิน ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในส่วนค่านายหน้า ซึ่งมีข้อกล่าวหาว่า 2 คนนี้ เกี่ยวพันกับเงิน 40 ล้านบาท จากค่านายหน้า 60 ล้านบาท
เรื่องร้อนถาโถม ในเวลาเดียวกันกับที่ ดีเอสไอ ยังไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีนี้ มาดำเนินคดีได้ “พระธัมมชโย”
เมื่อผนวก 2 ประเด็นนี้เข้าด้วยกัน ยิ่งน่าสนใจ เมื่อมีผู้ต้องหาเสียชีวิตในห้องขัง ในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่มีเจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหาพัวพันกับเงินโดยมิชอบในคดีสำคัญ แม้ทั้ง 2 เรื่อง จะต่างกรรมต่างวาระ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “น้ำหนัก ความชอบธรรม” ของ ดีเอสไอ ในการทำคดีใหญ่อย่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ลดลงอย่างมาก
การจะนำ “พระธัมมชโย” เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยิ่งยากกว่า เมื่อในห้องขังของดีเอสไอ ถูกตีตราเป็นสถานที่ไม่ปลอดภัยไปแล้ว คดีที่ทำมา ก็มีรอยด่างพร้อยเรื่องการรับสินบนไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้นใน ดีเอสไอ”ทบทวนก่อนว่า นี่คือหน่วยงานที่มีอำนาจมาก รวบรวมคนเก่งมีฝีมือจากทุกด้านเข้ามารวมตัวกัน ถ้าคดีไหนถูกรับเป็นคดีพิเศษ หน่วยงานนี้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายได้ทุกฉบับ และเข้าไปแทรกแซงได้ทุกพื้นที่
หากในทางยุทธศาสตร์ หากมีความคาดหวังที่จะทลายฐานที่มั่นสำคัญทางการเมืองหรือทางการเงินของฝ่ายตรงข้าม ก็ดูเหมือนจะมีแต่หน่วยงานนี้เท่านั้นที่มีศักยภาพทำได้ “ดีเอสไอ”
แต่..... คงต้องดูก่อนว่า ผู้ต้องหา กับ พนักงานสอบสวน “ใคร” อาการหนักกว่ากัน
มีข้อมูลในเชิงลึกว่า ดีเอสไอ ที่เอาหัวกะทิจากทุกด้านมาอยู่ด้วยกัน
กลายเป็นองค์กรที่มีคดีฟ้องร้องภายในมากที่สุดในศาลปกครอง โดยเฉพาะเรื่องการ “เลื่อนตำแหน่ง”
มีรายงานว่า เร็วๆนี้ จะมีข้าราชการในดีเอสไอระดับ ซี 9 ถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ ซี 7 อีกหลายคน ซึ่งเป็นผลมาจากการฟ้องร้องว่าการแต่งตั้งหรือเลื่อนตำแหน่งไม่เป็นธรรม
ตัวเลขที่ระบุได้ คือ จะมีผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ระดับ 9 จำนวน 16 คน ถูกลดตำแหน่ง
เรื่องนี้เกิดจากการร้องเรียนของผู้เข้าสอบเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษระดับ 9 ที่อกหัก จึงร้องเรียนหาความเป็นธรรม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ตำแหน่งระดับสูงเช่นนี้ ทำไมใช้เวลาการสอบสัมภาษณ์ เพียงรายละ 3-5 นาที ซึ่งไม่น่าจะเพียงพอสำหรับการทดสอบความเชี่ยวชาญทางคดีด้านต่างๆ พร้อมมีคำคำถามด้วยว่า กรรมการสอบ มีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่
เรื่องนี้ ... ชี้ให้เห็นรอยร้าวภายในดีเอสไอได้เป็นอย่างดี
แหล่งข่าวรายหนึ่งในดีเอสไอ ให้ข้อมูลว่า ความสงสัยต่อเรื่องการแต่งตั้ง เลื่อนตำแหน่ง มีที่มาอีกประเด็นที่สำคัญ เขาตั้งข้อสังเกตว่า ระดับผู้บัญชาการในดีเอสไอขณะนี้ ล้วนเป็น “ตำรวจ” และเป็นตำรวจที่มาจาก “โรงเรียนนายร้อยตำรวจ”
ต่างจากเจ้าหน้าที่ที่มาจากสายอื่น ส่วนใหญ่กระจายกันไปอยู่ "นอกวง" ของงานบริหาร
ประเด็นนี้ เป็นเพียงข้อกล่าวหา ... ยากพิสูจน์ได้ในเชิงข้อเท็จจริง ... แต่ในแง่ความรู้สึกนึกคิด แน่นอนว่า “ห้ามกันไม่ได้”
รองอธิบดี 2 คน ที่ถูกโยกย้ายออกไป คือ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว และ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ แม้จะมียศเป็นตำรวจ แต่ทั้ง 2 คน ไม่ใช่ นรต. หรือ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่เป็น นรบ. หรือ นายร้อยอบรม คือ มาจากการจบปริญญาตรีมาก่อนเข้าเป็นนายร้อย
ยังไม่รวมการรื้อคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมาดูใหม่ โดยพบพิรุธจากการทำคดีของพนักงานสอบสวนชุดเดิม จนนำสู่ประเด็นกล่าวหาเกี่ยวพันกับเงิน 40 ล้านบาท
ไม่ว่าความขัดแย้งภายในเหล่านี้ จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติขององค์กร หรือเกิดขึ้นจากความตั้งใจก็ตาม .... สิ่งสำคัญที่ทั้งคนในและคนนอกสัมผัสได้ในเวลานี้ ก็คือ
มีรายงานว่า เร็วๆนี้ จะมีข้าราชการในดีเอสไอระดับ ซี 9 ถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ ซี 7 อีกหลายคน ซึ่งเป็นผลมาจากการฟ้องร้องว่าการแต่งตั้งหรือเลื่อนตำแหน่งไม่เป็นธรรม
ตัวเลขที่ระบุได้ คือ จะมีผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ระดับ 9 จำนวน 16 คน ถูกลดตำแหน่ง
เรื่องนี้เกิดจากการร้องเรียนของผู้เข้าสอบเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษระดับ 9 ที่อกหัก จึงร้องเรียนหาความเป็นธรรม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ตำแหน่งระดับสูงเช่นนี้ ทำไมใช้เวลาการสอบสัมภาษณ์ เพียงรายละ 3-5 นาที ซึ่งไม่น่าจะเพียงพอสำหรับการทดสอบความเชี่ยวชาญทางคดีด้านต่างๆ พร้อมมีคำคำถามด้วยว่า กรรมการสอบ มีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่
เรื่องนี้ ... ชี้ให้เห็นรอยร้าวภายในดีเอสไอได้เป็นอย่างดี
แหล่งข่าวรายหนึ่งในดีเอสไอ ให้ข้อมูลว่า ความสงสัยต่อเรื่องการแต่งตั้ง เลื่อนตำแหน่ง มีที่มาอีกประเด็นที่สำคัญ เขาตั้งข้อสังเกตว่า ระดับผู้บัญชาการในดีเอสไอขณะนี้ ล้วนเป็น “ตำรวจ” และเป็นตำรวจที่มาจาก “โรงเรียนนายร้อยตำรวจ”
ต่างจากเจ้าหน้าที่ที่มาจากสายอื่น ส่วนใหญ่กระจายกันไปอยู่ "นอกวง" ของงานบริหาร
ประเด็นนี้ เป็นเพียงข้อกล่าวหา ... ยากพิสูจน์ได้ในเชิงข้อเท็จจริง ... แต่ในแง่ความรู้สึกนึกคิด แน่นอนว่า “ห้ามกันไม่ได้”
รองอธิบดี 2 คน ที่ถูกโยกย้ายออกไป คือ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว และ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ แม้จะมียศเป็นตำรวจ แต่ทั้ง 2 คน ไม่ใช่ นรต. หรือ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่เป็น นรบ. หรือ นายร้อยอบรม คือ มาจากการจบปริญญาตรีมาก่อนเข้าเป็นนายร้อย
ยังไม่รวมการรื้อคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมาดูใหม่ โดยพบพิรุธจากการทำคดีของพนักงานสอบสวนชุดเดิม จนนำสู่ประเด็นกล่าวหาเกี่ยวพันกับเงิน 40 ล้านบาท
ไม่ว่าความขัดแย้งภายในเหล่านี้ จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติขององค์กร หรือเกิดขึ้นจากความตั้งใจก็ตาม .... สิ่งสำคัญที่ทั้งคนในและคนนอกสัมผัสได้ในเวลานี้ ก็คือ
จากเรือรบที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์เต็มลำ ขนทหารฝีมือดีมาเต็มอัตราศึก ไปที่ไหน เป็นที่หวาดหวั่นต่อผู้พบเห็น ดีเอสไอ
กลายเป็น เรือสภาพทรุดโทรมใกล้อับปาง มีอาวุธเต็มลำ แต่ใช้ไม่ได้ ทหารในเรือล้วนหวาดระแวงกันเอง กังวลแม้แต่จะหันหลังให้กัน ไปที่ไหน ก็ไร้ความน่าเกรงขามอีกต่อไป
แม้แต่ “ตำรวจ” ซึ่งเป็นองค์กร ที่ถูก ดีเอสไอ คานอำนาจอย่างหนักหน่วงมาตลอด ก็กลายเป็นฝ่ายได้ทำงานตรวจสอบ “ดีเอสไอ” ซะเอง ...ในช่วงนี้ ...
“กรมสอบสวนคดีพิเศษ” แหล่งรวมหัวกะทิ ผู้เชี่ยวชาญคดีทุกด้าน ความหวังของการไขทุกปริศนา ... เรือลำนี้ จะยืนหยัดอย่างไรต่อไป ท่ามกลางรอยรั่วมากมาย ที่ปล่อยให้น้ำซึมเข้ามาในเรือมากขึ้นเรื่อยๆ
รอยรั่ว ที่เกิดจากฝีมือ คนในเรือเอง ....
แว่วๆมาว่า ในสภาปฏิรูปประเทศเวลานี้ ... กำลังพิจารณาข้อเสนอหนึ่ง ที่จะปฏิรูปกรมสอบสวนคดีพิเศษ .... ไปเป็นพนักงานสอบสวน ใน "สำนักงานอัยการสูงสุด"
https://www.pptvthailand.com
ได้เวลายุบ "ดีเอสไอ" แล้วหรือยัง?
http://clearmai.blogspot.jp/2016/04/blog-post_27.html
ได้เวลายุบ "ดีเอสไอ" แล้วหรือยัง?
http://clearmai.blogspot.jp/2016/04/blog-post_27.html
DSI ไม่มีใครทำลาย มีแต่ทำร้ายตัวเอง
Reviewed by bombom55
on
01:22
Rating:
เมื่อไม่ตั้งอยู่ในธรรม ก็สิ้นความยุติธรรม ความเสื่อมก็บังเกิด
ตอบลบต้องทำความจริงให้ปรากฏ
ตอบลบต้องทำความจริงให้ปรากฏ
ตอบลบ(rose stalk)แบกบุญ แบกบาป
ตอบลบ(shiny) ใครทำกรรมไว้ ก็แบกเอาไปเองนั่นแหละ ใครทำบุญ ก็แบกบุญไป ใครทำบาป ก็แบกบาปไป ใครทำอะไรกับเรา เขาก็แบกเอาไปเอง
(shiny) ใครเขาว่า เจ็บ ๆ แสบ ๆ เราอย่าไปถือเขา อย่าไปโกรธเขา อโหสิกรรมให้เขาซะ มันก็หมดเรื่อง ให้หมดเวรหมดกรรมกันไปตั้งแต่ภพชาตินี้ จะได้หมดสิ้นกันไป
(rose stalk)คำสอนคุณยาย
แปลกนะเรื่องราวผิดปกติมากมายขนาดนี้ แต่อธิบดีไม่เคยแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย
ตอบลบเป็นหน่วยงานที่หมดความน่าเชื่อถือและน่าไว้วางใจไปนานแล้ว เพราะ มีแต่หลงอำนาจ เห็นแต่แก่ตัวเองและพวกพ้อง แล้วจะที่พึ่งยามยากของประชาชนได้อย่างไร???
ตอบลบใครทำกรรมใดไว้ ต้องรับผลแห่งกรรมนั้น action = reaction
ตอบลบ#น่าสงสารนะทำงานตามธงตั้งไว้แต่ยังทำไม่ได้มันพัวพันกันไปหมดไม่ธ้อะไรเป็นอะไรมั่วๆ
ตอบลบ“เกิดอะไรขึ้นใน ดีเอสไอ”
ตอบลบเป็นหน่วยงานที่มั่วตามอารมณ์ไม่มีความนา่เชื่อถือที่สุด
ตอบลบเป็นหน่วยงานที่มั่วตามอารมณ์ไม่มีความนา่เชื่อถือที่สุด
ตอบลบได้เวลายุบ DSI หรือยัง ?
ตอบลบใครทำอะไรไว้ต้องได้อย่างนั้น ปิดไม่อยุ่เพียงแต่รอๆ
ตอบลบให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว
ตอบลบอย่าเอาแต่คนเก่งๆมารวมกัน โดยไม่คำนึงคุณธรรม ซึ่งสำคัญกว่าเก่งแต่โกง นำไปสู่..ความยุติธรรมที่พึ่งไม่ได้
ตอบลบอย่าเอาแต่คนเก่งๆมารวมกัน โดยไม่คำนึงคุณธรรม ซึ่งสำคัญกว่าเก่งแต่โกง นำไปสู่..ความยุติธรรมที่พึ่งไม่ได้
ตอบลบเกินจะบรรยายละ
ตอบลบเหมือนในหนังสือเลยพวกกลุ่มมาเฟีย เสียวไม่พอใจใครก็ใช้อำนาจมิด ยุบน่ะดีที่สุด
ตอบลบเหมือนในหนังสือเลยพวกกลุ่มมาเฟีย เสียวไม่พอใจใครก็ใช้อำนาจมิด ยุบน่ะดีที่สุด
ตอบลบองค์กรที่ทำงานตามธงของผู้มีอำนาจ
ตอบลบเรื่องตับแตกอธิบดีDSI ก็ยังตอบครอบครัวคนตายไม่ได้
ตอบลบยังมีเรื่องDSIหมดความน่าเชื่อถืออีก
ระดับรองอธิบดีพัวพันรัเงินจากผู้ต้องหาคดี
สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
เราชาวไทยรักชาติศาสน์กษัตริย์
ตอบลบเราคนวัดรักศาสน์ยิ่งสิ่งไหน
เราพี่น้องร่วมร้องเพลงชาติไทย
เราจะไม่ยอมให้ใครย่ำยี
เราคนไทยรักชาติศาสน์กษัตริย์
เราถือสัตย์เพื่อชาติเพื่อศักดิ์ศรี
เราจะร่วมต่อสู้เป็นชาติพลี
เราจะมีตำนานขานยาวไกล
เราคนไทยรักชาติศาสน์กษัตริย์
เราบัญญัติลูกหลานทำดีได้
เราจะร่วมช่วยกันเพื่อชาติไทย
เราหวังไว้ชาติไทยต้องเจริญ...
หน่วยงานDSI สมควรโดนยุบได้แล้วครับ
ตอบลบอย่าลืมว่าDSI ก็มีคดีอยู่น่ะ แก้ปัญหาตัวเองก่อนดีกว่าไหม
ตอบลบสักวันความจริงต้องปรากฏ ความจริงจะหนีความจริงไปไม่พ้น กฎแห่งกรรมมีจริง
ตอบลบเรื่องของตัวเองละช้าจัง แต่เรื่องจับพระนี่เร็วเกิ๊น
ตอบลบใครทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น
ตอบลบDsi ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น
ตอบลบควรให้เจ้าหน้าที่ออกบวช ศึกษากฏแห่งกรรมให้เข้าใจ แจ่มแจ้งแล้วหน่วยงานก็จะได้มาตรฐานเอง
ตอบลบควรให้เจ้าหน้าที่ออกบวช ศึกษากฏแห่งกรรมให้เข้าใจ แจ่มแจ้งแล้วหน่วยงานก็จะได้มาตรฐานเอง
ตอบลบกฎแห่งกรรมมีจริง
ตอบลบจริงด้วย ได้เวลายุบองค์กรนี้แล้ว ยิ่งอยู่ไปยิ่งมีแต่เน่าเหม็น ส่งกลิ่นไปทั่ว
ตอบลบจริงๆ
ตอบลบชาวพุทธที่แท้จริงควรศึกษากฏแห่งกรรมนะ
ตอบลบดีเอสไอไม่มีใครทำลาย ในที่สุดจะเเพ้ภัยตนเอง
ตอบลบฟังธรรรมคำสอนพระพุทธเจัาใหัเขัาใจอย่างแท้จริงและนั่งสมาธิจะไดัคำตอบที่แทัจริงเกี่ยวกับกฏแห่งกรรมบุญบาปมีจริงต้องไดัรับผลของการกระทำอยาางแน่นอน
ตอบลบเมื่อ DSI ทำงานตามใบสั่งไม่คิดถึงความถูกผิดไม่คิดถึงบุญบาป ความฉิบหายมันกันตามทำลายคนทำความชั่ว
ตอบลบถ้ามนุษย์เรารู้หลักวิชชา ช่วยให้พ้นภัยก็ดีนะซิ ถ้าสังคมวุ่นวาย ผู้คนจิตใจสับสน เกิดเรื่องร้ายๆในสังคม เศรษฐกิจตกต่ำ ทำมาค้าขายไม่ดี เกิดแต่เรื่องไม่ดีๆเข้ามาในชีวิต ต้องแก้ด้วย เติมบุญ ทำความดี รักษาศีล5 สวดมนต์และแผ่เมตตาเยอะๆ แล้วเรื่องร้ายๆก็จะดีขึ้น ผู้มีฤทธิ์ มีอานุภาพ จะมาช่วยแก้ทุกข์ได้ แต่ถ้ายังไม่เลิกว่าร้าย ทำผิดศีล5 หรือทำลายพระพุทธศาสนา เพิ่มบาปให้ตัวเองและมนุษย์ จะถูกซ้ำเติมด้วยภัยร้ายๆตามมาอีก แล้วคุณจะเลือกสังคมแบบไหนดีเอย.
ตอบลบธรรมกายเป็นคนกลุ่มเดียว ที่บริจาคเงินตั้งกองทุนช่วยเหลือสหกรณ์ทั้งๆ ที่ความเสียหายของสหกรณ์นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากธรรมกายแม้แต่บาทเดียว
ตอบลบhttp://specialcasestudy.blogspot.jp/2016/11/blog-post_68.html