กรณีของธรรมกายกับอำนาจรัฐ เสมือนเป็นการต่อสู้ แต่มิใช่การต่อสู้

กรณีของธรรมกายกับอำนาจรัฐ

จะมีมุมมองให้ดู สามมุมมอง

คือ 1. ภายในวัด 2. ภายนอกวัด และ 3. มุมสูงบนฟ้า

เสมือนเป็นการต่อสู้ แต่มิใช่การต่อสู้

ดูจากนอกกำแพงวัด

เราจะเห็นภาพเจ้าหน้าที่รัฐ กางตำรากฎหมายทุกเล่ม
เพื่อเฟ้นหาคดีความ ที่จะประเคนให้วัด
พร้อมทั้งกำลังพลมากมายหลายหน่วย
อยู่รายล้อมรอบกำแพงวัด

เหมือนมวลน้ำมหาศาล ในปี 54 

มีทั้งฮึกเหิมอยากตะลุยให้จบ

แต่อีกจำนวนหนึ่งก็ทำตามคำสั่งแบบเกียร์ว่าง 

เพื่อให้งานแล้วๆ พอพ้นเคราะห์

ภายในกำแพงวัด

เราเห็นผู้คนจำนวนมาก ย่างเท้าหอบลูกจูงหลาน

รวมทั้งพ่อแม่ที่แก่เฒ่าเข้ามาแสวงบุญ
ด้วยการทำบุญ และสวดมนต์ภาวนา

เป็นบรรยากาศ ที่หอมอบอวลด้วยบุญ
พรั่งพร้อมด้วยยุทธศาสตร์ใจ ทั้ง 4 ด้าน

คือ...ไม่กลัว ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป

เหมือนมิได้สนใจด้วยซ้ำว่า 

ภายนอกกำแพงกำลังเกิดอะไรขึ้น

เวลายิ่งลากยาวคนก็ยิ่งเข้าใจ
ธรรมกายมากขึ้นยิ่งภาพภายในกำแพง
ส่งออกสู่สายตาชาวโลก มากเท่าไหร่
ธรรมกายก็ยิ่งตีตื้นขึ้นมาทุกที

ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปอย่างไรเสีย
ธรรมกายก็ต้องชนะ เว้นไว้แต่ใช้กำลัง
เข้าหักราญแค่นั้น แต่ถ้าทำแบบนั้น 

ก็เท่ากับแพ้คนทั้งโลกด้วย

แต่ถ้ามองจากมุมสูงบนฟ้า

ก็จะเห็นรูปอาจารย์จอมขวังเวทย์ 

นั่งหลับตาบริกรรมคาถาไม่หยุดปาก

ขณะที่นอกวงสายสิญจน์ ฝูงผีอสุรกาย 

จำนวนมากเดินพล่านอยากเข้ามาบีบคอ
แต่ก็ยังกลัวกำแพงสายสิญจน์

#ในขณะเดียวกันพายุมืดไซเบอร์
ก็กำลังก่อตัวดำทะมึน โดยมีเป้าหมาย
อยู่ที่นอกสายสิญจน์ คงเกินรับมือได้
เพราะเป็นพายุมืดมองไม่เห็นตัว

และก็มิได้เกี่ยวข้อง กับคนในวงสายสิญจน์

บรรดาสรรพาวุธที่อยู่ในมือ
ยามนี้ดูไปก็เหมือนกับของเล่นซะแล้ว

Cr. แก้วตาตะวัน