สัจจะสัญญา ที่ติดค้างในพระราชหฤทัย ที่ในหลวงทรงอธิษฐานเพื่อคนไทย
สัจจะสัญญา
ที่ติดค้างในพระราชหฤทัย
ที่ในหลวงทรงอธิษฐานเพื่อคนไทย
อะไร คือ สัจจะสัญญาที่ติดค้างในพระราชหฤทัย ที่ในหลวงทรงอธิษฐานเพื่อคนไทย จนทำให้พระองค์ทรงมุ่งมั่นทำทุกอย่างเพื่อคนไทยขนาดนี้
ทรงปฎิเสธการเสด็จพระราชดำเนินไปต่างประเทศ ยามประชวร แต่ขอใช้กรรมฐานเพื่อรักษาพระองค์เอง
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เหตุใดพระองค์ไม่ค่อยเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ แม้กระทั่งทรงพระประชวร ทั้ง ๆ ที่คณะแพทย์ลงความเห็นว่า ควรเสด็จเพื่อรักษาพระอาการในประเทศแถบตะวันตกที่มีเทคโนโลยีดีกว่าเมืองไทย แต่พระองค์ทรงปฎิเสธ
เรื่องนี้ พระศากยวงศ์วิสุทธิ์เล่าว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระประชวรหนัก น่าจะปี พ.ศ.2525 ตอนนั้น คณะแพทย์ลงความเห็นว่า ต้องเสด็จพระราชดำเนินรักษาพระอาการที่ต่างประเทศ แต่พระองค์ทรงปฎิเสธ และไม่มีใครรู้ว่า ทำไมพระองค์ไม่เสด็จต่างประเทศพระองค์มีพระราชดำริว่า...
เรื่องนี้ พระศากยวงศ์วิสุทธิ์เล่าว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระประชวรหนัก น่าจะปี พ.ศ.2525 ตอนนั้น คณะแพทย์ลงความเห็นว่า ต้องเสด็จพระราชดำเนินรักษาพระอาการที่ต่างประเทศ แต่พระองค์ทรงปฎิเสธ และไม่มีใครรู้ว่า ทำไมพระองค์ไม่เสด็จต่างประเทศพระองค์มีพระราชดำริว่า...
ถ้าทรงทำอะไรไม่ได้ พระองค์ก็จะรักษาพระองค์เอง
ตอนนั้น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายกตรัสว่า...
ช่วงที่หมอไม่รู้จะรักษายังไงเกี่ยวกับพระราชหฤทัย
ช่วงนั้นก็เลยใช้วิธีเปิดเทปเทศน์กรรมฐานเมื่อพระองค์บรรทมฟัง
พอฟังไปสักพัก พระอาการก็ดีขึ้นซึ่งหมอก็งง
และมีอีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ยุคลตรัสกับอาตมาว่า
อยากให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสังเวชนียสถาน เพราะพระองค์เป็นพุทธมามกะ และไม่เคยเสด็จไปที่นั่นเลย กราบทูลหลายครั้ง
ซึ่งตอนนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำรัสว่า ความจริงแล้วอยากเสด็จสังเวชนียสถานมาก
แต่ว่าติดสัญญาณใจ ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า...
ช่วงที่หมอไม่รู้จะรักษายังไงเกี่ยวกับพระราชหฤทัย
ช่วงนั้นก็เลยใช้วิธีเปิดเทปเทศน์กรรมฐานเมื่อพระองค์บรรทมฟัง
พอฟังไปสักพัก พระอาการก็ดีขึ้นซึ่งหมอก็งง
และมีอีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ยุคลตรัสกับอาตมาว่า
อยากให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสังเวชนียสถาน เพราะพระองค์เป็นพุทธมามกะ และไม่เคยเสด็จไปที่นั่นเลย กราบทูลหลายครั้ง
ซึ่งตอนนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำรัสว่า ความจริงแล้วอยากเสด็จสังเวชนียสถานมาก
แต่ว่าติดสัญญาณใจ ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า...
ตราบใดที่คนไทยทุกคนยังไม่มีความสุข พระองค์จะไม่เสด็จต่างประเทศตอนนั้นพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ยุคล ตรัสกับอาตมาว่า ท่านก็อึ้งกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในคราวนั้น และได้ทูลถามพระองค์ว่า...
แล้วพระองค์ทรงเอาอะไรเป็นเกณฑ์ว่า คนไทยไม่มีความสุข เพราะประเทศไทยก็เจริญขนาดนี้แล้วพระองค์ตรัสว่า...
ไม่รู้เหมือนกัน ...แต่ในพระราชหฤทัยรู้สึกว่า คนไทยยังไม่มีความสุข
คนไทยควรทำอย่างไร เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว
และเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว คนไทยจะทำอย่างไรให้พระองค์วางพระราชหฤทัย พระศากยวงศ์วิสุทธิ์กล่าวว่า...
ต้องทำตัวของเราให้มีความสงบและความสุข เมื่อนั้นแหละพระองค์ก็จะทรงสามารถหลับพระเนตรได้
"สิ่งที่อาตมาอยากเตือนสติพวกเรา ก็คือ เราจะทำยังไงน้อมนำพระราชดำรัสมาใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่ดูว่า โครงการพระราชดำริมีจำนวนเท่าไร
ถ้าเราจะเข้าใจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็ต้องไปดูสิว่า ก่อนที่จะมีโครงการพระราชดำริแต่ละอัน มีความเป็นมาอย่างไร ทำไมรัฐแก้ปัญหาสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ บางทีรัฐก็บอกว่า เป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของท้องถิ่น แต่พระองค์ไม่เคยตรัสว่า ทำไมหน่วยงานนี้ไม่ทำ พระองค์ไม่ได้สนใจ
แล้วทำไมพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงรับรู้ ทรงเห็น ช่วยเหลือ คนที่อยู่ในประเทศทั้งหมด หรือบางทีก็ช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่ ไม่ได้เป็นคนไทย คนบนดอย ม้ง กระเหรี่ยง พระองค์ทรงเห็นปัญหา ทรงทุ่มเทเพื่อให้พสกนิกรมีความสุข โดยพระองค์ไม่ต้องการอะไรเลย เพราะทรงมีทุกอย่างแล้ว
ถ้าอย่างนั้นคนไทยต้องเตือนตัวเองว่า
เราทำตัวสมกับเป็นลูกที่พระองค์ไว้วางพระราชหฤทัยหรือเปล่า
สิ่งที่พระองค์ทรงทำ ไม่ได้เพื่อสถาบัน ไม่ได้เพื่อพระองค์เอง"
พระศากยวงศ์วิสุทธิ์เล่า และตบท้ายว่า
หมายเหตุ
ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะไม่เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอีกเลย เมื่อวันที่ 21-24 มิถุนาย พ.ศ. 2510 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศแคนาดา หลังจากนั้นว่างเว้นอีกนาน และเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศลาว เมื่อวันที่ 8-9 มีนาคม พ.ศ. 2537 ซึ่งถือว่า เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศเป็นครั้งสุดท้าย
แหล่งข้อมูล
- คัดลอกบางส่วนมาจาก บทความเรื่อง วันที่ไม่มีพ่อของแผ่นดิน โดย เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ จาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 28 ตุลาคม 59
"สิ่งที่อาตมาอยากเตือนสติพวกเรา ก็คือ เราจะทำยังไงน้อมนำพระราชดำรัสมาใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่ดูว่า โครงการพระราชดำริมีจำนวนเท่าไร
ถ้าเราจะเข้าใจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็ต้องไปดูสิว่า ก่อนที่จะมีโครงการพระราชดำริแต่ละอัน มีความเป็นมาอย่างไร ทำไมรัฐแก้ปัญหาสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ บางทีรัฐก็บอกว่า เป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของท้องถิ่น แต่พระองค์ไม่เคยตรัสว่า ทำไมหน่วยงานนี้ไม่ทำ พระองค์ไม่ได้สนใจ
แล้วทำไมพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงรับรู้ ทรงเห็น ช่วยเหลือ คนที่อยู่ในประเทศทั้งหมด หรือบางทีก็ช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่ ไม่ได้เป็นคนไทย คนบนดอย ม้ง กระเหรี่ยง พระองค์ทรงเห็นปัญหา ทรงทุ่มเทเพื่อให้พสกนิกรมีความสุข โดยพระองค์ไม่ต้องการอะไรเลย เพราะทรงมีทุกอย่างแล้ว
ถ้าอย่างนั้นคนไทยต้องเตือนตัวเองว่า
เราทำตัวสมกับเป็นลูกที่พระองค์ไว้วางพระราชหฤทัยหรือเปล่า
สิ่งที่พระองค์ทรงทำ ไม่ได้เพื่อสถาบัน ไม่ได้เพื่อพระองค์เอง"
พระศากยวงศ์วิสุทธิ์เล่า และตบท้ายว่า
การแสดงออกจากการร้องไห้ หรือการถวายดอกไม้ ก็ใช่ ... นั่นเป็นสัญลักษณ์การแสดงความอาลัย
แต่สิ่งที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ที่แสดงถึงจงรักภักดีต่อพระองค์ ก็คือ จงเป็นส่วนหนึ่งของการทำชีวิตของเราให้มีความสุข ความเจริญ
หมายเหตุ
ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะไม่เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอีกเลย เมื่อวันที่ 21-24 มิถุนาย พ.ศ. 2510 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศแคนาดา หลังจากนั้นว่างเว้นอีกนาน และเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศลาว เมื่อวันที่ 8-9 มีนาคม พ.ศ. 2537 ซึ่งถือว่า เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศเป็นครั้งสุดท้าย
แหล่งข้อมูล
- คัดลอกบางส่วนมาจาก บทความเรื่อง วันที่ไม่มีพ่อของแผ่นดิน โดย เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ จาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 28 ตุลาคม 59
สัจจะสัญญา ที่ติดค้างในพระราชหฤทัย ที่ในหลวงทรงอธิษฐานเพื่อคนไทย
Reviewed by bombom55
on
20:59
Rating:
น้อมเกล้าฯถวายอาลัย
ตอบลบส่งดวงพระวิญญาณพระองค์
เสด็จฯสู่สวรรคาลัย
ธ สถิตอยุ่ในใจตราบนิจนิรันดร์น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ตอบลบสถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์
ตอบลบน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
เสด็จสู่ฟากฟ้าสุราลัย พระมหากรุณาธิคุณจารึกในใจไทยชั่วกาล
ตอบลบสถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์
ตอบลบน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์
ตอบลบน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
น้อมเกล้าฯถวายอาลัย
ตอบลบส่งดวงพระวิญญาณพระองค์
เสด็จฯสู่สวรรคาลัย
เสด็จสู่ฟากฟ้าสุราลัย พระมหากรุณาธิคุณจารึกในใจไทยขั่วกาล
ตอบลบพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ตอบลบทรงพระเจริญ
ตอบลบพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้
ตอบลบพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้
ตอบลบประวัติศาสตร์...ช่วยจำชาติไทยไว้
ตอบลบประวัติศาสตร์...ช่วยให้ได้ศึกษา
ประวัติศาสตร์...ช่วยรวมเรื่องผ่านมา
ประวัติศาสตร์...ช่วยพาให้เข้าใจ
ประวัติศาสตร์...ช่วยจำเรื่องสำคัญ
ประวัติศาสตร์...ช่วยกันบันทึกไว้
ประวัติศาสตร์...ช่วยแม้กาลผ่านไป
ประวัติศาสตร์...ช่วยให้เกิดปัญญา
ประวัติศาสตร์...ช่วยโลกได้เรียนรู้
ประวัติศาสตร์...ช่วยผู้ชอบแสวงหา
ประวัติศาสตร์...ช่วยสร้างแรงศรัทธา
ประวัติศาสตร์...ช่วยพา(พระ)ชนะมาร...
พระผู้เสด็จสุ้สววรคาลัย
ตอบลบเสด็จสู่สวรรคาลัยผองพสกนิกรชาวไทย
ตอบลบน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์
สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์
ตอบลบน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
น้อมเกล้าฯถวายอาลัย
ตอบลบส่งดวงพระวิญญาณพระองค์
เสด็จฯสู่สวรรคาลัย
เสด็จสู่สวรรคาลัยผองพสกนิกรชาวไทย
ตอบลบน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์
ทุกหยาดเหงื่อของพระองค์ท่านทำเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน
ตอบลบ