กระบวนการยุติธรรมสมัยพุทธกาล คดีที่พระพุทธเจ้าถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร !! (ตอนที่ 1-2)



กระบวนการยุติธรรมสมัยพุทธกาล 

คดีที่พระพุทธเจ้าถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร !!





ตอนที่1


"ที่เกิดเหตุ"

คดีความเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล หากแต่ในสมัยพุทธกาล เจ้าหน้าที่บ้านเมืองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะไม่ได้มีเครื่องมือที่ทันสมัยอย่างในปัจจุบันก็ตาม แต่เนื่องจากได้มีการสอบสวนอย่างยุติธรรม ไม่ลัดขั้นตอน แม้บางคดีจะเป็นแผนการเพื่อใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่ก็สามารถระบุตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้อย่างถูกต้อง


เชื่อหรือไม่? 

ในครั้งที่พระบรมศาสดาของพวกเรายังทรงพระชนม์อยู่ มีอยู่คราวหนึ่งที่พระองค์ และพระสาวกตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าคนตาย!!! 

แต่ด้วยการสอบสวนอย่างยุติธรรมจากพระเจ้าปเสนทิโกศลพระราชาในสมัยนั้น การพิจารณาสืบสาวเรื่องราวให้ชัดเจนก่อนจะตัดสินดำเนินคดี ทำให้พระพุทธองค์สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของพระองค์ได้ ไม่ต้องถูกปฏิบัติเหมือนผู้กระทำความผิดอย่างไม่เป็นธรรม

เรื่องมีอยู่ว่า... 

ครั้งหนึ่ง เหล่าเดียรถีร์ได้มากราบทูลร้องเรียนกับพระราชาว่า นางสุนทรีปริพพาชิกาได้หายตัวไป 

เมื่อพระราชาตรัสถามว่า พวกท่านสงสัยว่านางหายไปไหน? 

เหล่าเดียรถีร์ก็ตอบว่า ที่วัดพระเชตวัน 

ซึ่งก็ตรงกับคำให้การของผู้ที่ไปวัดเชตวันว่า ได้พบนางสุนทรีที่วัดเชตวันจริงๆ ในช่วงเวลาวิกาล ทำให้เกิดเป็นข่าวซุบซิบในหมู่ผู้ที่ไปทำบุญฟังธรรมที่วัดเชตวันในทางไม่ดี

เมื่อคำขอของเดียรถีร์มีมูลความจริง พระราชาจึงทรงอนุญาตให้เดียรถีร์ไปค้นหาในพระเชตวันได้ 

(อาจเปรียบได้กับหมายค้นในยุคนี้ จึงสันนิษฐานว่า น่าจะมีการสืบหาข้อมูลของนางสุนทรีขั้นต้นก่อนว่ามีผู้พบเห็นนางที่ไหนบ้าง หรือไม่ก็เดียรถีร์ได้อ้างข้อมูลเพื่อขอตรวจค้นในพระเชตวันก็เป็นได้)

ฝ่ายเดียรถีร์เข้าไปค้นก็ได้เจอนางสุนทรีจริงๆ ที่กองขยะดอกไม้ 


แต่ทว่า...อยู่ในสภาพเป็นศพไปแล้ว!!!

งานนี้ วัดพระเชตวันจึงกลายเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



ตอนที่2

"ใส่ร้ายป้ายสี"

ฝ่ายเดียรถีร์ได้แสดงศพของนางสุนทรีต่อพระราชา แล้วก็กล่าวหาพระพุทธเจ้า และพระสาวกว่า 
พระสาวกของพระสมณโคดมฆ่าปิดปากนางสุนทรี เพราะคิดจะปกปิดกรรมอันลามกของพระศาสดาของตน
เมื่อรูปการณ์ออกมาเช่นนี้ พระราชาจึงอนุญาตให้เดียรถีร์ได้กระจายข่าวความจริงที่เกิดขึ้น (เข้าใจว่า น่าจะเป็นสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าทุกข์ในยุคนั้น ที่สามารถป่าวประกาศเรื่องราวของตนให้ชาวเมืองได้รับรู้) เดียรถีร์ทั้งหลายจึงเที่ยวโพนทะนา แฉข่าวนี้ไปทั่วเมืองสาวัตถี 

ทำให้ชาวเมืองสาวัตถีเข้าใจว่าพระพุทธเจ้า และพระสาวกเป็นฆาตกรฆ่านางสุนทรีจริง จึงด่าทอพระทุกรูปที่ตนเห็นทั่วทั้งเมือง (ถ้าเป็นสมัยนี้ก็เป็นด่าทางโซเชียลเนทเวิร์ค)

ถ้าเป็นในยุคปัจจุบันคงจะมีการจับพระเข้าคุกกันเป็นพัลวันอย่างแน่แท้ และก็คงสั่งให้สึกก่อน แล้วจึงทำการสอบสวนทีหลัง 

หากแต่พระราชาผู้ทำหน้าที่ตัดสินคดีในสมัยนั้น เป็นผู้ทรงธรรม ไม่ทรงรีบร้อนทำการโดยไม่ไต่สวน จึงทรงตรัสสั่งให้ราชบุรุษไปสืบสาวราวเรื่องให้ละเอียดเสียก่อน 

และตรัสสั่งให้ราชบุรุษคอยป้องกันศพของนางสุนทรีไม่ให้มีใครมาวุ่นวายอีกด้วย (ชวนให้น่าคิดว่า การชันสูตรศพเพื่อหาสาเหตุการตายอาจมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วก็เป็นได้ มิฉะนั้น จะทรงให้ราชบุรุษคอยเก็บรักษาศพไปเพื่ออะไร?)

และในระหว่างที่กำลังสืบสวนนี้ เคราะห์กรรมก็ตกอยู่ที่พระพุทธเจ้าและพระสาวก พวกท่านถูกชาวเมืองสาวัตถีทั้งหมด ยกเว้นเสียแต่พระอริยสาวก เที่ยวโพนทะนาด่าว่าพระกันหูดับตับแตก เอ๊ย!! ตับไหม้กันเลยไม่เว้นแต่ละวัน เพราะตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม 

เป็นเหตุการณ์วิกฤตศรัทธาครั้งใหญ่ในช่วงพระชนมชีพของพระพุทธองค์เลยทีเดียว

พระพุทธเจ้าจะทรงผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างไรนั้น 


to be continue…


Cr. ปธ.ก้าวไปข้างหน้า



กระบวนการยุติธรรมสมัยพุทธกาล คดีที่พระพุทธเจ้าถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร !! (ตอนที่ 1-2) กระบวนการยุติธรรมสมัยพุทธกาล  คดีที่พระพุทธเจ้าถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร !! (ตอนที่ 1-2) Reviewed by bombom55 on 02:49 Rating: 5

41 ความคิดเห็น:

  1. ช่าง่เหมือนกันเลยนะ

    ตอบลบ
  2. รออ่านตอนต่อไป เรื่องในอดีตที่ผู้เขียนจับประเด็น ให้ผู้อ่านคิดตามได้น่าติดตามอย่างมาก

    ตอบลบ
  3. การใส่ร้ายป้ายสี มีมาทุกยุคทุกสมัย แม้แต่พระพุทธองค์เองก็ไม่เว้น แต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย วันหนึ่งความจริงก็จะปรากฎ แล้วเมื่อนั้นคนผิดจะต้องได้รับโทษ ในยุคปัจจุบันนี้ การใส่ร้ายป้ายสีเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะการใส่ร้ายป้ายสีพระสงฆ์ผู้ทรงศีล ไม่นานความจริงก็จะปรากฎ เพราะธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเสมอ แล้ววันนั้นคนใส่ร้ายก็จะได้รับโทษ ไม่ด้วยกฎหมายก็ต้องด้วยกฎแห่งกรรม

    ตอบลบ
  4. ใส่ร้ายคนดี ชีวิตจะตกต่ำทำกินบ่ขึ้น

    ตอบลบ
  5. กระบวนการยุติธรรมสมัยนี้ไม่มีความยุติธรรมจริง
    ควรจะเอาแบบอย่างขบวนการยุติธรรมสมัยพุทธกาล
    มาปรับให้ดีและทันสมัยขึ้นเพื่อความสงบสุขสันติสุข
    ของประชาชนสังคมในประเทศไทยและในจักรกาลนี้

    ตอบลบ
  6. ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเดิม เพราะมนุษย์มีกิเลสตัวเดียวกัน เพียงแต่รูปแบบเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเท่านั้น แต่อธิกรณ์ที่เกิดขึ้นกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่เกิน 7 วัน ก็จะคลี่คลายไป ความจริงทั้งหลายย่อมปรากฏ และได้ข้อยุติ "ธรรมทั้งหลาย ล้วนเกิดแต่เหตุ"
    "ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว"

    ตอบลบ
  7. ใครใช่ร้ายป้ายสี ผู้กระทำความดี ผู้มีศิล
    ชีวิตจะตกต่ำ จะทำอะไรก็ไม่สำเร็จ

    ตอบลบ
  8. มีส่วนคล้ายการกล่าวร้าย ต่อพระสงฆ์ที่ไม่มีความผิดคล้ายในปัจจุบัน เเต่คงยังสรุปไม่ได้ว่าเหมือนกันอย่างไร คงต้องรอตอนต่อไป

    ตอบลบ
  9. ประวัติศาสตร์ย้อนรอยเหตุการณ์เหมือนกับที่เกิดกับวัดพระธรรมกายยังกะแกะ...คนเชื่อข่าวลือมีทุกยุคทุกสมัย ไม่ใข่เรื่องแปลก

    ตอบลบ
  10. สมัยนี้หนักว่า อยู่วันดีคืนดี ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องหา ไม่ให้โอกาสพูดชี้แจงข้อกล่าวหา ข้ามขั้นตอน เร่งรีบรวบรัด บุกจับเลย ยังจับไม่ได้ก็ไปเล่นงานกิ่งก้านสาขาของเขาก่อน มีที่ Thailand Only.

    ตอบลบ
  11. #ไม่ว่าจะยุคไหนๆ กิเลสของมนุษย์ตัวเดิมๆ.โลภ โกรธ หลง..ใน3ตระกูลนี้..คือโลภะ #โทสะ #โมหะ..ซึ่งกเลสที่คอยเกาะกินใจของมนุษย์ให้หลงติดกับดักเพื่อมารจะได้ให้มนุษย์ติดกับดักบนโลกใบนี้..แต่พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เราไปสู่พระนิพพานแดนบรมสุข

    ตอบลบ
  12. ธรรมสอนสั่งหยั้งใจให้เป็นสุข
    ธรรมช่วยทุกข์หมดไปใจสุขศานติ์
    ธรรมรักษาจิตใจให้เบิกบาน
    ธรรมบันดาลให้สุขตลอดไป
    ชัยชนะพระธรรมนำดวงจิต
    ชัยชนะพิชิตจิตผ่องใส
    ชัยชนะหมู่มารทุกชาติไป
    ชัยชนะให้พระชนะมาร...

    ตอบลบ
  13. ใส่ร้ายคนดีๆตนเองก็ย่อมตกต่ำเป็นธรรมดา

    ตอบลบ
  14. พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้จะถูกกล่าวหา แต่เมื่อไม่เป็นความจริง พระองค์ยังคงทำดีเรื่อยไป ไม่สู้ ไม่หนี ในที่สุดความดีก็ปรากฏให้เห็นได้ในที่สุดเอง

    ตอบลบ
  15. มิจฉาทิฐิ ทำบาปหนักสุดได้ทุกเสี้ยววินาที

    ตอบลบ
  16. ความดีชนะทุกสิ่ง ความจริงชนะทุกอย่าง

    ตอบลบ
  17. ความลับไม่ในโลก จะปรากฎช้าหรือเร็วเท่านั้น

    ตอบลบ
  18. โอพระพุทธท่านยังถูกคนพาลใส่ความดว้ยข้อหาร้ายแรงมาแล้วแต่ยุคนี้มันต่างกันตรงที่ผู้ที่ใส่ร้ายกลายเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลความถูกต้องของบ้านเมืองเป็นคนพาลเสียเอง

    ตอบลบ
  19. อยากอ่านต่อแล้วค่ะ

    ตอบลบ
  20. กราบ กราบ กราบ ขอให้เหตุการที่เกิดขึ้นในยุคเราอย่าได้เกิดขึ้นอีกเลย

    ตอบลบ
  21. กราบ กราบ กราบ ขอให้เหตุการที่เกิดขึ้นในยุคเราอย่าได้เกิดขึ้นอีกเลย

    ตอบลบ
  22. ขบวนการยุติ(ความเป็น)ธรรม

    ตอบลบ
  23. คำสอนของพระพุทธองค์ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

    ตอบลบ
  24. ทำดีได้ดี ทำบุญได้บุญ

    ตอบลบ
  25. อนุโมทนาบุญสาธุสาธุ

    ตอบลบ
  26. เพราะสมัยนี้เป็นยุควิกฤตศรัทธา ผู้คนเห็นความสำคัญของตัวเองมากกว่า อะไรจึงเกิดขึ้นง่ายดาย

    ตอบลบ
  27. กิเลสคนยังเหมือนเดิม

    ตอบลบ
  28. ไครใส่ร้ายไห้คนดีพระดีๆทำอะไรก็ไม่เจริญค่ะ

    ตอบลบ
  29. คำสอนพระพุทธเจ้าใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

    ตอบลบ
  30. หยุดทำลายพระพุทธศาสนาได้แล้ว

    ตอบลบ
  31. ความยุติธรรม. ยังมีอยู่อีกไหม???
    รัฐบาล การเมือง อย่าเอาเข้ามายุ่งกับศาสนาเลย

    ตอบลบ
  32. กิเลสตัวเดียวกัน เหตุการณ์ไม่ว่าสมัยไหน ๆ ก็เลยเหมือนกัน

    ตอบลบ
  33. ในที่สุดแล้วธรรมะย่อมชนะอธรรมนะ

    ตอบลบ
  34. คนพาลจะแพ้ภัยตัวเอง

    ตอบลบ
  35. คนพาลจะแพ้ภัยตัวเอง

    ตอบลบ
  36. คล้ายเหตุการณ์ยุคนี้เลยนะคะ

    ตอบลบ
  37. ใส่ร้ายคนดีและมีศิล จะทำให้ตัวเองตกต่ำ

    ตอบลบ
  38. ไม่ระบุชื่อ20 กันยายน 2559 เวลา 06:04

    บุคคลจะอยู่ในอากาศ จะอยู่ในท่ามกลางมหาสมุทร
    จะเข้าไปสู่ซอกเขาก็ตามที ก็ไม่พึงพ้นจาก
    กรรมชั่วไปได้ เพราะประเทศคือแผ่นดินที่เขาอยู่นั้น
    บาปกรรมจะตามไม่ทัน ไม่มี.

    ตอบลบ
  39. จะกี่ร้อยกี่พันปี เดียรถีย์ก็ยังใช้วิธีการเดิมๆ

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.