วัดพระธรรมกาย VS. ดีเอสไอ (ภาค ๑) น้ำปลาหยดเดียว คัน + คลุ้ง ไปทั่วโลก

วัดพระธรรมกาย VS. ดีเอสไอ (ภาค ๑)
น้ำปลาหยดเดียว คัน + คลุ้ง ไปทั่วโลก 
--------------------------


พิศาฬเมธ  แช่มโสภา ป.ธ. ๙ นักวิชาการอิสระทุกเรื่องที่รู้
----------------------------



หลังจากพักไปนั่งพิจารณาลมหายใจเข้า – ออก ดูเท้าที่ย่างก้าวด้วยจิต ทำให้เกิดความรู้สึกสิ่งรอบๆ ตัวหายไปมากขึ้น พอกลับมาในชีวิตประจำวัน ก็ต้องพบกับสิ่งเดิมๆ เฉพาะด้านพระพุทธศาสนา

ที่เป็นข่าวเกรียวกราวกันก็คือ ดีเอสไอจะบุกจับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หากไม่มารายงานตัว รับทราบข้อกล่าวหา ฟอกเงินและรับของโจร โดย รมว. อธิบดี รองอธิบดี ได้ให้สัมภาษณ์เป็นไปในทางเดียวกัน

แล้วพากันกล่าวถึงการให้พ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ตามกฎหมายสงฆ์

จึงต้องขอบอกว่า ไม่เกี่ยว ไม่ได้แล้ว เพราะรอง ผอ.พศ. (นายชยพล พงษ์สีดา) ก็ให้สัมภาษณ์ถูกแล้ว ว่ามันคนละเรื่องกัน แต่มีความพยายามที่จะหาช่องปลดกันให้ได้ จึงเกิดอาการคันมือต้องอธิบาย

ก่อนอธิบาย ไม่ต้องสงสัยว่า ผมเห็นด้วยตามที่ท่านรองฯ ให้สัมภาษณ์ไป คงหวังอะไรบางอย่าง ขอบอกว่า ไม่มีครับ 

ตำแหน่งที่สูงขึ้น และเงินเดือนที่จะได้มากขึ้น ผมไม่ต้องการ ผมต้องการคือ ทำความจริงให้เป็นความจริง ความถูกต้องให้เป็นความถูกต้อง เท่านี้พอ  

ดังนั้น คงต้องย้อนเรื่อง ความเป็นมาตั้งแต่เริ่ม เพื่อให้เห็น “อะไร” บางอย่าง ที่ผมจะบอก อ่านช้าๆ คิดไปด้วย เมื่อยตาหน่อย ก็พัก ให้ยายอ่านแทน..

หลายเดือนมานี้ ดีเอสไอได้ทำคดีพิเศษสุดต่อเนื่องกัน คือ คดีพระล้วนๆ ไล่ตั้งแต่คดีรถห่วยแตก ราคาสี่ล้าน ที่เรียกว่าเป็นรถหรูหรา ตามที่พวก “พ่อคนดี” เขาบอก มาจนถึงคดีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

ทำให้เกิดความคิดว่า เป็นเวรกรรมอะไรของหน่วยงานนี้ เพราะทำแต่เรื่อง “เฉียดนรก” ทั้งนั้น

ผู้ถูกกล่าวต้องหา/จะจับตัวกัน ก็เป็นพระระดับบวช ๔๕ พรรษา ขึ้นไป ถือได้ว่าเกือบเป็นรุ่นพ่อด้วยซ้ำ 

พระที่บวชมาขนาดนี้ ถ้าจิตไม่แน่ ท่านไม่ยอมอยู่ถึงขนาดนี้ ภาษาบาลีเรียกว่า “บวชถวายอกในพระพุทธศาสนา” คือ บวชแล้วจะไม่สึกนั่นเอง 

ไม่เหมือนพวกบวชแล้วสึก สึกแล้วบวช วนไปวนมา เพื่อหลบหนีอะไรบางอย่าง อย่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้ นิสัยพวกนี้

“การให้ออกจากเพศพระโดยท่านไม่ยินยอม ถือว่าเป็นการสั่งประหารชีวิตกันเลยนะครับ"  

การกล่าวหาพระระดับนี้ว่าเป็น อาบัติปาราชิก ถือว่าเป็นการยื่นเรื่องให้ฆ่ากันทีเดียว เพราะฉะนั้น จึงบอกว่า กรณีพระวินิจฉัย ของสมเด็จพระสังฆราช เกี่ยวกับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จึงเป็นไปไม่ได้ ที่พระองค์จะทรงทำอย่างนั้น และก็ได้อธิบายไปแล้วว่า ความจริงเป็นอย่างไร

จุดอ่อนที่พบคือ ความเมตตาของพระ เพียงคำพูดประโยคเดียวของ เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ที่ว่า “อย่าไปทำเขา” ทำให้ชาวพุทธทั้งพระเณรและโยม หยุดดำเนินการใดๆ

ทำให้การที่จะฟ้องกลับ ต้องหยุดชะงักไประยะหนึ่ง ตอนนี้ ควรถึงเวลานั้นแล้ว

มากล่าวถึงดีเอสไอต่อ ในช่วงที่ทำคดีรถห่วยนั้น มีการแถลงอย่างอึกกระทึกครึกโครม มีขั้นตอนการนำเข้า การซื้ออะไหล่  ฯลฯ ไปจนสุดท้าย การครอบครองที่เป็นชื่อหลวงพ่อสมเด็จฯ เป็นเจ้าของ

สมมติว่า มี ๖ ขั้นตอน ดีเอสไอยังไม่ได้เริ่มตามกระบวนการขั้นที่ ๑ แต่กลับไปสอบสวนกระบวนการที่ ๖ และออกข่าวกันอย่างสนุกสนานคนเชียร์ 

และกรณีที่มีชื่อหลวงพ่อสมเด็จฯ เป็นเจ้าของ ก็ได้อธิบายไปแล้วว่า เจ้าอาวาสต้องเป็นผู้ลงนามรับของ ที่เขานำมาถวาย มันไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายตามที่เข้าใจ

ต่อมา เมื่อมีการจับกุมขั้นตอนอื่นได้ พอลงข่าวแล้ว เรื่องก็เงียบไป

ผมไม่เชื่อเพื่อนมาตั้งแต่แรกว่า คดีรถห่วยนั้น มีเจ้าหน้าที่ที่นับถือศาสนาอื่นอยู่ในทีมงานนั้นด้วย แต่พอมานั่งพิจารณาทบทวน ชักไม่แน่ใจ เพราะชาวพุทธที่แท้จริง เขาคงทำอะไรกับพระที่ดีกว่านี้

พอมาถึงคดีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ก็ชักไม่ในใจอีก เพราะการกระทำ “ไม่เหมือนชาวพุทธที่ดีควรทำ”

จะไม่ขอพูดถึงท่าน รมว. เพราะทั้งสองคดี ท่านลงมาแถลงและควบคุม “อย่างใกล้ชิด” ด้วยตนเอง เพราะปกติทั่วไป รมว. จะดูในภาพรวมของงาน และวางนโยบาย มากกว่าที่จะทำตัวเหมือนเจ้าหน้าที่เสียเอง 

จึงขอให้เกียรติท่าน ไม่กล่าวถึง รวมทั้งท่านรองฯ และท่านอธิบดี ด้วย จะกล่าวในภาพรวมเท่านั้น แต่ถ้าพาดพิงก็ต้องกราบขออภัยด้วย


ขอต่อภาค ๒.. เพราะยาวไปจะอ่านลำบาก

Cr.พิศาฬเมธ แช่มโสภา


วัดพระธรรมกาย VS. ดีเอสไอ (ภาค ๑) น้ำปลาหยดเดียว คัน + คลุ้ง ไปทั่วโลก วัดพระธรรมกาย VS. ดีเอสไอ (ภาค ๑) น้ำปลาหยดเดียว คัน + คลุ้ง ไปทั่วโลก Reviewed by bombom55 on 08:17 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.