ทำไมฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการนำธงไปปักให้วัดพระธรรมกายจึงกระตือรือร้นที่จะปักธงให้ได้ ?


"ทำไม หลวงพ่อธัมมชโย 
จึงไม่มอบตัว ?

คำถามที่ผมไปตอบทาง TNN 24 เมื่อคืน
วันศุกร์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙" 
ผศ. ร.ท. ดร.บรรจบ บรรณรุจิ
อดีตเณรนาคหลวง ป.ธ.9 พ.ศ.2516


@ หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ หรือที่สื่อสารมวลชนเรียกกันว่า "สมเด็จเกี่ยว" ได้แสดงความเห็นไว้ก่อนมรณภาพว่า 

เรื่องของวัดพระธรรมกายหากแก้ไขตรงจุดจะยุ่งมาก เพราะจะถูกโยงไปเกี่ยวข้องกับกิจการทางพระพุทธศาสนาด้านต่างๆ

@ ถึงบัดนี้ผมจึงเข้าใจว่า สมเด็จมีความแหลมคม แม้จะชราภาพวัยถึง ๘๔ เศษ

ก็ยังห่วงใยพระศาสนา โดยเฉพาะสถานการณ์ของวัดพระธรรมกาย ซึ่งหวาดเสียวมาตลอด 

เพราะมีกิจกรรมหรืองานใหญ่มาต่อเนื่อง ตั้งแต่บวชพระเป็นพันเป็นหมื่นรูป ซึ่งเป็นการบวชที่ไม่เคยมีบนแผ่นดินไทยมาก่อน มีการทอดกฐินได้เงืนบริจาคมาเป็นพันๆล้านบาท ซึ่งไม่เคยมีวัดไหนทำได้ มีการบวชอุบาสิกาแก้วแสนคน ซึ่งก็ไม่มีที่ไหนทำได้อีก อีกทั้งการเผยแพร่และการหาทุนก็ทำกันอย่างอุตสาหะต่อเนื่อง มีรายได้มาสนับสนุนกิจกรรมของวัดเป็นล่ำเป็นสัน

@ พระวัดธรรมกายหลายรูปได้ไปต่อต่างประเทศในมหาวิทยาระดับโลกก็ด้วยทุนพวกนี้ เช่น เมตตานันโท ภิกขุ จบแพทยศาสตร์จากจุฬา ฯ ก็มาบวชและป็นลูกรักของหลวงพ่อธัมมชโย ถึงขนาดหลวงพ่อส่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัยดังในอังกฤษและสหรัฐ จนกระทั่งจบและมีโอกาสเดินทางไปแสดงความรู้ทั่วโลก

ตอนผมไปญี่ปุ่นเจอ ดร.คนหนึ่ง เชื้อสายญี่ปุน-อเมริกัน ถามถึงผมว่า Do you know Venerable Mettanando ? (รู้จักท่านเมตตานันโทไหม ?) เมื่อผมรับว่า รู้จัก เขาก็เปิดเผยตัวเองและชื่นชมท่านมากว่าเก่งมีความสามารถ และสุดท้ายเขาก็บอกว่า พวกผมเรียกท่านว่า APARTMENT MONK เพราะท่านชอบอยู่อพาร์ทเมนต์





@ พระคุณเจ้ารูปนี้ ปัจจุบันสึกแล้ว ท่านบอกผมว่า ที่สึกเพราะไม่มีวัดอยู่ ....พวกเรารู้จักท่านในนาม นายแพทย์ มโน นามสกุลท่านผมลืม ท่านผู้นี้สึกมาแล้วก็สมัครเข้าทำงานการเมืองเสนอตัวเข้าสมัคร สส.พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ผ่านการเลือกตั้ง ในที่สุดก็ไปรับราชการเป็นอาจารย์ใน ม.ธรรมศาสตร์

แต่ท่านยังป้วนเปี้ยนอยู่กับงานการเมืองจนกระทั่งได้แต่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการปฏืรูปกืจการพระศาสนา ซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะเข้าไปจัดการคณะสงฆ์ในภาพรวมตั้งแต่เก็บภาษีพระเณร ภาษีวัด และลุกลามไปถึงขั้นจะยุบมหาเถรสมาคม



งานนี้มีตัวโชว์สื่ออยู่คนเดียว คือ ไพบูลย์ นิติตะวัน แต่เบื้องหลังมีเพียบเลยทั้งพุทธอิสระและอีกหลายคน และที่ขาดไม่ได้คือ คุณหมอมโน อดีตศิษย์รักของหลวงพ่อธัมมชโย ผู้ใช้ชีวิตพระมานานถึง ๒๕ พรรษา ถือว่าอยู่ในขั้นมหาเถระ (พระผู้ใหญ่)



@ มีการประเมินกันว่า หลวงปู่พุทธอิสระ ไพบูลย์ นิติตะวัน และคุณหมอมโน ทำงานเข้าขากันดี 

การที่คณะปฏิรูปเบนเข็มจากคณะสงฆ์ในภาพรวมมาลงที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ และวัดพระธรรมกายก็น่าจะมี "การตั้งธง" มาแล้ว 



แต่มองไม่ออกว่าใครเป็นเจ้าของธง หรือสั่งทำธง ทว่าเท่าที่พอมองเห็น คือ ทำให้การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ล่าช้า และอยู่ในสภาพสุญญากาศจนป่านนี้ยังมองไม่ออกว่าจะเป็น "อสุญากาศ" เมื่อไร 

ทั้ง ๓ ท่านนี้จึงน่าจะมีบทบาทสำคัญ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นกรรมของหลวงพ่อธัมมชโย ที่เลี้ยงลูกศิษย์ได้กล้าแข็งขนาดนี้

@ มีเสียงแว่วมาว่า หากจะให้ตั้งสมเด็จวัดปากน้ำเป็นสังฆราช ต้องจัดการธัมมชโยก่อน หากจัดการไม่ได้ หรือไม่ยอมจัดการ ก็เป็นหลวงตาช่วงต่อไป...

เสียงแว่วนี้ไม่ดัง แต้ได้ยินแล้วน่ากลัว และเชื่อได้ว่าจะป็นจริง

@ ผมไม่สนใจว่า สมเด็จวัดปากน้ำจะเป็นอะไร ถึงอย่างไรท่านก็ยังน่าเคารพ เพราะเมตตาธรรมที่สมเด็จช่วงหลั่งไหลไปสู่สาธารณะนั้นมันยิ่งใหญ่มีค่ามากกว่ากว่าราคารถหรูแค่ไม่กี่ล้าน

@ แต่ที่สนใจ คือ ทำไมจึงมีการมองวัดพระธรรมกายว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ?

 ซึ่งน่าจะชี้แจงให้ชัดว่า อันตรายต่อความมั่นคงด้านไหน ? 

แต่ทีศาสนสถานของบางศาสนาที่สร้างไว้ตามตะเข็บชายแดนเพื่อผ่องถ่ายผู้คนของศาสนาเขาที่มาอย่างผิดกฏหมายให้กลายเป็นถูกกฎหมาย (จะเรียกว่า ฟอกคน ก็น่าจะได้) กลับมองไม่เห็นว่าเป็นความมั่นคง 

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่เป็นพุทธหนักใจมาก แต่คนมีอำนาจในสภาความมั่นคงกลับมองไม่เห็น ...น่าฉงน !

@ การตั้งธงให้วัดพระธรรมกายเป็นภัยค่อความมั่นคงน่าสนใจ ? 

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ทำไมฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการนำธงไปปัก ให้วัดพระธรรมกาย จึงกระตือรือร้นที่จะปักธงให้ได้ ?

มีอะไรผลักดัน ? 


หรือมีอะไรเป็นแรงจูงใจ ? 


กระตือรือร้นจนลืมว่า พวกเขาควรปฏิบัติต่อพระในพระพุทธศาสน่อย่างไร ? 


หากพวกเขาไม่ใช่พุทธก็ควรมีมารยาทต่อพุทธ หรือหากเป็นพุทธ แล้วทำไมจึงกล้าทำร้ายกับบุคคลากรในพระพุทธศาสนาอย่างนั้น




@ หากจะมองว่า หลวงพ่อธัมมชโยไม่เป็นพระแล้วตามข้อหาที่ DSI ตั้ง ก็ต้องถามว่า ยุติได้แล้วหรือ ? 

อย่าลืมว่า พระสงฆ์นั่น ยังมีกฏหมายอีก ๒ ฉบับ ที่ต้องใช้ตัดสินท่าน คือ พระราชบัญัติคณะสงฆ์ ที่รัฐบาลสมัยจอมพลสฤษฎิ์ ร่างไว้ให้กับ พระธรรมวินัยในพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ 

ซึ่งพระวินัยบางสิกขาบทก็เข้ากับหมายทางบ้านเมืองได้สนิท แต่บางสิกขาบทก็ลึกซึ้งกว่ากฏหมาย เชื่อไหมครับว่า อย่างการลักทรัพย์นี่ หากลักได้สำเร็จ คือ มีของมาอยู่ในตรองของผู้ลักแล้วก็ถือว่า ทำผิดแล้ว 

แต่ของพระ แม้การลักจะสำเร็จแล้ว แต่ยังไม่สามารถปรับเป็นปาราชิกได้ เพราะต้องไปดูว่า เจ้าของเขายังมีเยื่อใยในของอยู่ไหม ? ถ้ามี ตัวนีเแหละยังคุ้มครองให้พระยังไม่เป็นปาราชิก แต่ถ้าหมดเยื่อใย พระก็ต้องเป็นปาราชิกทันที

ดังนั้น ทางออกก็คือ ต้องเอากฏหมายของบ้านเมือง กับ พระวินัยของพระพุทธเจ้ามาเทียบกันดู ส่วนการขาดจากความเป็นพระหรือไม่ ต้องยึดพระวินัยเป็นหลัก ไม่ใช่เป็นเพราะกฏหมายของรัฐหรือโซเชียลเนตเวอร์คตัดสิน

@ แล้วทำไมไม่มามอบตัว ? 

จึงอยากถามว่า การปฏิบัติการต่อผู้ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะพระสงฆ์มีการทำอย่างเหมาะสมแล้วหรือยัง ? 

DSI ให้ความมั่นใจในการต่อสู้คดี แบบยุติธรรม แก่ผุ้กล่าวหาได้แค่ไหน ? 

เพราะวันนี้สังคมไทยยังคลางแคลงใจในการตัดสินคดีความของกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากหลายความผิดไม่น่ารอดก็รอด แต่หลายคดีน่ารอดก็ไม่รอด

@ ผมว่า ประเด็นนี้แหละ น่าจะป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ หลวงพ่อธัมมชโย ไม่ไปมอบตัว ....ผมเสนอไว้เล่นๆนะ.







ทำไมฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการนำธงไปปักให้วัดพระธรรมกายจึงกระตือรือร้นที่จะปักธงให้ได้ ? ทำไมฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการนำธงไปปักให้วัดพระธรรมกายจึงกระตือรือร้นที่จะปักธงให้ได้ ? Reviewed by bombom55 on 00:27 Rating: 5

3 ความคิดเห็น:

  1. ควรตัดผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีออกไปซ่ะ แล้วมาว่าตามกระการยุติธรรม อย่ามาใส่ความกันง่ายๆแบบนี้

    ตอบลบ
  2. ควรตัดผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีออกไปซ่ะ แล้วมาว่าตามกระการยุติธรรม อย่ามาใส่ความกันง่ายๆแบบนี้

    ตอบลบ
  3. อลัชชีเดียรถีย์สมีธัมมี่ อันนี้แปลว่าไรอ่ะ เห็นคนเค้าเขียนกันในพันทิป

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.