คิดผิดแล้ว ถ้าใครคิดว่าเป็นชาวพุทธต้องนิ่ง

ความเงียบอันน่ากลัว

หลายคนคงดีใจที่ระยะนี้ไม่ค่อยมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องวัดธรรมกายและคิดในใจว่า ดีเอสไอ อาจจะถอดใจถอยหลังไม่เอาเรื่องแล้ว

แต่ทนายขอยืนยันว่า......
ในความเงียบ อีเอสไอ ใช้วิธีรุกทางกฏหมาย ค่อยๆ บีบเข้ามาเรื่อยๆ แล้วเอากฏหมายเข้าอ้าง เพื่อสร้างความชอบธรรม

วัดทุกวันนี้ยังตั้งรับอย่างเดียว ดีขึ้นหน่อยที่ออกมาชี้แจงบ้าง แต่ไม่ค่อยเป็นข่าวเพราะไม่มีกระแสหลักช่วยเสนอข่าวให้ ข่าวของวัดเองก็จะออกเฉพาะตอนที่ถูกดีเอสไอ รุกก่อน แล้วค่อยมาชี้แจงกึ่งขอร้อง ขอความเมตตา

ดังนั้นเมื่อดีเอสไอ ออกข่าวทีภาพของวัดก็ลบไปที เพราะสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อหลักช่วยกันประโคมข่าวหน้าหนึ่ง ดังไปทั้งประเทศ

การมาชี้แจงขอทางวัด แทบจะไม่มีใครรู้เลยนอกจากศิษย์ที่ติดตามจริงๆ

จากเป้าที่ ดีเอสไอ ตั้งไว้ เห็นได้ชัดเจนว่า.....
การถอยของดีเอสไอคงยาก ความเมตตาต้องไปขอต่อศาลเอาเอง ดีเอสไอ คงให้ไม่ได้ เพราะไม่มีคู่สงครามที่ไหนจะมีเมตตาต่อศัตรู

บางครั้งทนายเห็นทางวัดให้พระออกมาชี้แจง คันปากแทนเลยครับแต่ก็ได้แต่คันปาก พูดตรงๆพระแม้จะฉลาดแค่ไหน เก่งแค่ไหน แต่ความคมในเรื่องคำพูดทางกฏหมายไม่มีครับ และพูดเท่าที่ท่องมาเท่านั้น ทั้งๆที่น่าจะมีอะไรพูดเสริมได้อีก

แต่ดีเอสไอ พูดในแต่ละครั้ง ความคิดของทนายแล้ว ก็ไม่เก่งกฏหมายทุกเรื่อง แต่เมื่อเป็นหน่วยงานราชการ ทำให้มีความน่าเชื่อถือและคนฟังตัดสินทางความรู้สึกว่า ถูกต้อง

เมื่อดีเอสไอพูดแต่ละครั้ง ประชาชนเชื่อถือแล้ว คำแถลงการณ์ของวัด ถ้าไม่ชัดเจนพอ ก็เข้าทำนอง แก้ตัว ฟังไม่ขึ้น

เหตุที่ทนายกล้าวิจารณ์แบบนี้ เพราะทนายสอบถามความคิดจากเพื่อนสนิทจึงมั่นใจว่า ข้อเขียนข้างต้นใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด

ทนายขอเป็นทะแนะ ขอให้วัดปรับจูนเรื่องการประชาสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ อย่าถอย อย่าหยุด จนกว่าคดีจะยุติ เชื่อไม่เชื่อทนายไม่รู้ 

รู้แต่ว่าไม่เคยมีศึกครังไหนในประวัติศาสตร์ที่ อาณาจักรแพ้ศาสนาจักร

ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล 
อังคาร ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ๑๑.๓๗ น.

เราจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นหรือ

ประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจดจำ 

ศาสนาพุทธต้องไม่เสื่อมสลายในยุคของเรา

อ่านต่อ

คิดผิดแล้ว ถ้าใครคิดว่าเป็นชาวพุทธต้องนิ่ง