วัดพระธรรมกาย VS. ดีเอสไอ (ภาค ๒) น้ำปลาหยดเดียว คัน + คลุ้ง ไปทั่วโลก

วัดพระธรรมกาย VS. ดีเอสไอ (ภาค ๒)
น้ำปลาหยดเดียว คัน + คลุ้ง ไปทั่วโลก 
--------------------------

พิศาฬเมธ แช่มโสภา ป.ธ. ๙ นักวิชาการอิสระทุกเรื่องที่รู้
----------------------------

     

มากล่าวถึงกรณีวัดพระธรรมกายต่อจากโพสต์ก่อน

ตรวจสอบคดีที่ดีเอสไอแจ้งจับ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มี ๒ คดี คือ ฟอกเงินและรับของโจร

เท่าที่ติดตาม ก็มึนกับคดีทั้งสอง เพราะมันมีเหตุว่า มันใช่การฟอกเงินแน่หรือ และเป็นการรับของโจรหรือเขาถวายกันแน่ 

จึงคิดเรื่อยเปื่อยไปว่า ถ้าโยมเอาของมาถวายวัด หากพระถามว่า เป็นของที่ขโมยมา (ของโจร) หรือเปล่า คงโดนโยมตำหนิ (ด่า) แน่.. คงจะยุ่งเหมือนกัน .. ทำให้พระสงฆ์องค์เจ้ามีที่ยืนในสังคมแคบลงอีก

เนื่องจากไม่ชำนาญเรื่องนี้ และไม่มีหลักฐาน จึงไม่ขอวิจารณ์ เพราะเป็นกระบวนการของดีเอสไอเขา จนกระทั่งมาเป็นออกหมายเรียก แล้วมาเป็นหมายจับ ถ้าดีเอสไอทำผิดก็รับกรรมกันไปก็แล้วกัน

สิ่งที่น่าสนใจคือ การออกหมายจับ และกระบวนการนี้ เท่าที่พิจารณาดู มันไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่โต

ในเมื่อเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอ้างว่าป่วย ก็ควรส่งแพทย์ที่เชื่อถือได้ เช่น รพ.ตำรวจ ไปตรวจสอบ ให้เห็นกันชัดๆ ว่า เป็นจริงไหม ถ้าเป็นจริง หรือไม่เป็นจริง ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย

ตามข่าว ปีที่ผ่านมา ท่านอธิบดีของดีเอสไอ ขณะที่เป็นรองฯ ก็ได้ไปตรวจพร้อมแพทย์ ด้วยตนเองไม่ใช่หรือ ?

ทำไม ปีนี้ ไม่เชื่อใบรับรองแพทย์ แล้วมาแจ้งว่า ใช้ไม่ได้.. ทำไม ไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปตรวจให้เห็นกับตา ดีเอสไอเจาะจงที่จะละเลยข้อนี้หรือเปล่า ระบบราชการก็มีอยู่ ไม่ใช่หรือ ?

ส่วนการออกเรียกและต่อมาเป็นหมายจับ ความจริง ในฐานะส่วนราชการ ควรอำนวยความสะดวกให้พระหน่อยไม่ได้หรือ 

ถ้าท่านไปไม่ได้ ก็ให้เจ้าหน้าที่เอาไปให้ท่านเซ็นรับทราบที่วัด แล้วเอากลับมา แค่นี้ เรื่องก็จบ ต่อไป ก็ว่ากันไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

แบบนี้ เป็นวิธีการที่น่าจะเป็นมากกว่า ดีกว่าเที่ยวประกาศออกข่าวว่า จะไปจับที่วัด ถ้าไม่มารับทราบ ก็คนป่วยแล้วจะให้มาอย่างไร 

จะไปตรวจก็ไม่ไป ท่านทำครบขั้นตอนที่ควรจะเป็นแล้วหรือ เพราะตามที่ให้สัมภาษณ์นักข่าว มีท่านผู้ใหญ่บอกว่า ไม่ได้ไปตรวจ และเลยขั้นนั้นมาแล้ว

มันหมายความว่าอย่างไร ?

ขั้นตอนที่ควรจะเป็น ท่านบอกว่า เลยมาแล้ว มันเป็นคำถามที่ค้างคาใจชาวพุทธอย่างผมมาก ขนาดผมไม่ใช่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายยังสงสัย แล้วบรรดาลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายล่ะ !

การนั่งเต๊ะจุ๊ยอยู่กับโต๊ะ แล้วรอเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มารับทราบข้อกล่าวหานั้น มันไม่ควรวิธีการที่ทำตามหลักธรรมาภิบาล 

หน่วยงานราชการต้องให้บริการประชาชน ยิ่งเป็นพระ ไม่ว่าชาวพุทธหรืออิสลาม ก็ควรให้เกียรติท่าน เอาหมายไปให้ท่านเซ็นรับทราบที่วัดก็จบ

เดี๋ยวนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ประชาคมอาเซี่ยนแล้ว 

“สถานที่ราชการเกือบทุกแห่ง ห้างสรรพสินค้า (ต่อไปอาจรวมถึงร้านโชว์ห่วย) เขามีห้องละหมาดกันทุกแห่งแล้วครับ” บริการแบบนี้มีแล้วในประเทศไทย เมืองพุทธ 

ส่วนเรื่องงบประมาณสนับสนุน ก็ไม่ต้องพูดถึง มีการขอคืนเงินที่ถวายวัดไปแล้ว จนพระไม่กล้ารับเงินอุดหนุนจากหน่วยราชการต่างๆ อยู่แล้ว เพราะกลัวว่าจะต้องเอาคืน พระท่านพูดแทบไม่ออกอยู่แล้ว 

ขอแนะนำว่า ถ้าวัดที่รับงบนั้นไปสบทบสร้างกุฏิ หากเขาขอเอาคืนแบบจังหวัดสระบุรี ก็ให้ตัดส่วนที่สร้างด้วยงบนั้นคืนเขาไป  ถ้าเป็นช่อฟ้า ก็ยกช่อฟ้าให้ไปเลย ไม่ต้องหาเงินคืน เพราะเราสร้างไปแล้ว

การบริการให้ก่อสร้างศาสนสถาน การไปแสวงบุญต่างประเทศ จริงครับ มันเป็นงบที่รัฐอุดหนุนให้ แต่ต้องไม่ลืมว่า คนจ่ายภาษีให้รัฐส่วนใหญ่คือคนพุทธ ก็เท่ากับเอาเงินชาวพุทธ ให้เขาไปทำบุญ ขอให้ชาวพุทธอนุโมทนาบุญกับเขาด้วยละกัน

ต่อไป ไม่แน่ ท่านอาจต้องไปแสวงหาบุญกับเขาก็ได้..

เข้าเรื่องต่อ..

แค่บริการพระเท่านี้ เป็นไรมี จะได้ไม่ต้องมาออกข่าวกันทุกวันๆ ผลเสียมันตกอยู่กับพระพุทธศาสนา ควรพิจารณาถึงเรื่องนี้บ้าง เพราะขณะนี้ ชาวพุทธ ทั้งพระเณรและชาวบ้าน กลายเป็นชนชั้นสองของประเทศไปแล้ว ก็เพราะทำกันแบบนี้

ขอร้องเถอะครับ “อย่าให้เกิดจลาจล” ในเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เพราะลูกศิษย์เขามีประสบการณ์จากครั้งที่ผ่านมาแล้ว เขาไม่ยอมให้เจ้าอาวาสถูกจับหรอกครับ เพราะนั่น ท่านต้องโดนจับสึกแน่ 

ถ้าแก้ไขปัญหาไม่ได้ คนที่เขาแก้ไขได้ก็น่าจะมี ไม่ใช่แค่สั่งให้ทำแบบนี้ ก็ทำแบบนี้ วิธีที่ดีมันมีอยู่

“ถ้าท่านไม่มีเจตนาแอบแฝงอย่างอื่น”

ส่วนข่าว่าจะยึดวัดพระธรรมกายนั้น เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเป็นที่วัด ถ้าจะยึด ต้องเวรคืนเหมือนวัดในพระพุทธศาสนาทั่วไป ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะเอาทหารตำรวจไปยึดเป็นของหลวง มันผิดนะครับ

ส่วนกรณีการเสนอให้ปลดเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้น ยิ่งเป็นความคิดหลุดโลกไปใหญ่ !

ขณะนี้ สถานะท่านเป็นเพียงถูกกล่าวหา ต้องส่งเรื่องให้อัยการฟ้อง ถ้าอัยการสั่งฟ้อง ก็ต้องไปสู้กันในชั้นศาลอีก ๓ ศาล จนถึงที่สุด.. ถ้าไม่สั่งฟ้อง เรื่องก็จบ

จึงไม่มีกฎหมายสงฆ์ข้อใด ที่จะให้มีการปลดเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในกรณีนี้ การอ้างกรณีวัดอื่นนั้น มันคนละเรื่องกัน และผู้เขียนก็มีอคติอยู่ในตัวอยู่แล้ว จึงไม่อยากกล่าวถึง

ตายไปก็อโหสิกรรมกัน ไม่ใช่ขุดขึ้นมาด่าว่าหรือพูดถึงอีก ไม่ใช่นิสัยคนไทย ครับ

และการจะให้มหาเถรสมาคมพิจารณาเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องอีก เพราะระดับการพิจารณา ตามกฎนิคหกรรมยังมีอยู่ ระเบียบปฏิบัติของคณะสงฆ์มีอยู่ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็โยนให้ มส. พิจารณา 

เรื่องทางโลกอาจเป็นเรื่องใหญ่โต แต่เรื่องทางสงฆ์ มันเป็นเรื่องเล็ก เรื่องถือเอาของที่เจ้าของไม่ยินดีให้ เกินราคาที่กำหนดมันใหญ่กว่าเลย เพราะถือตามอาบัติ ไม่ได้ถือตามกระแส อย่าเอามาปนกัน จะได้ไม่เขว..

ภาวนาไว้ว่า ขออย่าให้เรื่องนี้ก่อให้เกิดการจลาจลเลย เพราะพลังศรัทธามันห้ามกันไม่ได้ จะจับคนห้าพันหรือหมื่นคนเข้าคุกฐานจลาจล ก็เตรียมที่ไว้ด้วยละกัน..

Cr.พิศาฬเมธ แช่มโสภา
วัดพระธรรมกาย VS. ดีเอสไอ (ภาค ๒) น้ำปลาหยดเดียว คัน + คลุ้ง ไปทั่วโลก วัดพระธรรมกาย VS. ดีเอสไอ (ภาค ๒) น้ำปลาหยดเดียว คัน + คลุ้ง ไปทั่วโลก Reviewed by bombom55 on 08:32 Rating: 5

5 ความคิดเห็น:

  1. เจ้าอาวาส ท่านปราชิกนานแล้วไม่ใช่หรือครับ ทำไมไม่ยอมสึก

    ตอบลบ
  2. ไม่มีคนที่ไหนไปโกงคนอื่นมาทำบุญหรอกครับ

    ตอบลบ
  3. หลวงพ่อธัมมชโยท่านประกอนด้วยคุณงามความดี เกินกว่าที่ หลายคนที่ไม่เคยพบ ไม่เคยเจอ ฟังแต่ข่าว แล้วเชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง ไม่มาดูด้วยตนเอง หากท่านไม่ดีจริง ปัญญาชน นับแสน นับล้านจะไม่ออกมาปกป้องท่านถึงเพียงนี้

    ตอบลบ
  4. อย่าฟังแต่ข่าวด้านเดียวค่ะ ลองอ่านข้ออธิบายของทางวัดดีๆ และลองไปเปิดกฏหมายดูว่าดีเอสไอ ทำผิดขั้นตอนจริงๆไหม ถ้าไม่จริงทางวัดไม่กล้าออกมายืนยันขนาดนี้หรอกค่ะ ไม่ทราบเรื่องนี้มีเบื้องหลังอะไรหรือเปล่า คดีคนอื่นไม่ทำมุ่งทำ. หน่วยงานอื่นที่รับบริจาคเหมือนกันก็ไม่เคยพูดถึง จะมุ่งกล่าวหาแต่คดีพระเทพญานมหามุนีอย่างเดียว เชิญมาวัดไม่มา แปลกไหมคะ

    ตอบลบ
  5. อย่าฟังแต่ข่าวด้านเดียวค่ะ ลองอ่านข้ออธิบายของทางวัดดีๆ และลองไปเปิดกฏหมายดูว่าดีเอสไอ ทำผิดขั้นตอนจริงๆไหม ถ้าไม่จริงทางวัดไม่กล้าออกมายืนยันขนาดนี้หรอกค่ะ ไม่ทราบเรื่องนี้มีเบื้องหลังอะไรหรือเปล่า คดีคนอื่นไม่ทำมุ่งทำ. หน่วยงานอื่นที่รับบริจาคเหมือนกันก็ไม่เคยพูดถึง จะมุ่งกล่าวหาแต่คดีพระเทพญานมหามุนีอย่างเดียว เชิญมาวัดไม่มา แปลกไหมคะ

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.