คนด่าธรรมกายเลิกอบายมุขแล้วยัง???


คนข้างนอกจำนวนไม่น้อยที่มองว่า...
คนเข้าวัดพระธรรมกาย ส่วนใหญ่นั้น

"มีความรู้ในธรรมน้อย จึงง่ายต่อการ
ถูกชักจูง หลอกให้หลงใหลบ้าบุญ"

รู้จักบุญเพียงเปลือกที่เป็นการบริจาค
เงินทองเท่านั้น บุญอย่างอื่นไม่รู้เลย

แต่จากข้อมูลจริงๆ จะตรงข้ามกันเลย
คนที่เข้าวัดพระธรรมกายจริงๆ
โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีความรู้ในเรื่องบุญดีมาก 

ถ้าพูดว่ารู้เรื่องบุญดีมากก็ยังน้อยไป 
ถ้าจะพูดให้ตรงความจริงต้องพูดว่า

"มีความรู้เรื่องพระไตรปิฏกดีมาก" 

เพราะคำว่าบุญเป็นเพียงส่วนหนึ่งในร้อยส่วน
ของพระไตรปิฏก

อัลเบิร์ต ไอสไตน์เคยพูดไว้ว่า.......

"จินตนาการ....สำคัญกว่า....ความรู้"

แต่สิ่งที่สานุศิษย์ธรรมกายถูกสั่งสอน คือ 

"การปฏิบัติ..สำคัญกว่า..ความรู้"

เพราะความรู้ที่แท้จริงที่เรียกว่าญาณ
ต้องเกิดจากการปฏิบัติ ไม่ใช่การอ่าน

การมีความรู้ในธรรม ที่นับว่ายอดแล้ว
การนำความรู้ในธรรมมาปฏิบัติกระทั่ง
เกิดผลนับว่ายอดเยี่ยมยิ่งกว่าอีก

ศิษย์ธรรมกายที่แท้จริงจะปฏิบัติตน
อยู่ในกิริยาวัตถุ 3ได้น่าประทับใจมาก
มีความรู้ในบุญ ปฏิบัติตนอยู่ในบุญ
แม้หลับก็ยังหลับอยู่ในอู่ทะเลบุญเลย
จนเห็นผลบุญ จึงยิ่งมั่นใจในบุญที่สุด

เมื่ออยู่ในบุญก็จะหันหลังให้อบายมุข
อันเป็นปากทางแห่งความเสื่อม
เสื่อมทรัพย์, เสื่อมเกียรติยศ, เสื่อมสุข
เสื่อมศีล, เสื่อมความเป็นคน ตัวอย่าง
มีให้เห็นตามสื่อเยอะแยะทุกวันเลย

เมื่อหันหลังให้กับอบายมุข
ชีวิตก็ขึ้นจากบ่อ, หล่มแห่งความเสื่อม
บ่ายหน้าสู่ความเจริญเมื่อเจริญเพราะ
บุญเป็นเหตุก็ยิ่งศรัทธาในบุญ
ศรัทธาในพระรัตนตรัยมากยิ่งขึ้น 
จนเป็นคนที่ไม่หวั่นไหว ในบุญ ในพระรัตนตรัย

เมื่อมั่นใจในบุญในพระรัตนตรัยเต็มที่
การทำบุญก็เต็มที่เหมือนกัน เราเห็น
คนใช้เงินล้านลงทุนทำธุรกิจหรือว่า
ซื้อเครื่องอำนวยความสะดวก ไม่ยาก
แต่การได้เห็น คนทำบุญด้วยเงินล้านยากมาก 

แต่ที่ธรรมกายเราจะได้เห็น
คนทำบุญด้วยเงินล้านไม่ยากเลย


#เพียงอยากสรุปเป็นคำถามว่า
คนตำหนิติเตียน คนเข้าวัดพระธรรมกาย
ว่าโง่บ้าง!! งมงายบ้าง!! อยากบอกว่า
คนเหล่านั้นผลจากการที่ได้เข้าวัดจึง
หันหลังกับอบายมุขอันเป็นปากประตู
แห่งความเสื่อมแล้ว!!

แล้วคนที่ตำหนิคนเข้าวัดพระธรรมกาย
ที่ว่าตนฉลาดหันหลังให้กับอบายมุข 
อันเป็นประตูแห่งความเสื่อมแล้วหรือยัง?

แต่ถ้ายัง เก็บปากไว้กินข้าวดีกว่ามั้ย!!
เพราะอย่างน้อย บาปจะได้ไม่เพิ่มขึ้น

Cr. มุนีน้อย ในธารธรรม


คนด่าธรรมกายเลิกอบายมุขแล้วยัง??? คนด่าธรรมกายเลิกอบายมุขแล้วยัง??? Reviewed by bombom55 on 23:54 Rating: 5

7 ความคิดเห็น:

  1. ตรงดีจัง... น่าไปตามเวปต่างๆ ที่มีปัญหา ชอบว่าร้าย เป็นอาชีพ

    ตอบลบ
  2. คนเข้าวัดธรรมกายและวัดอื่นๆ แล้วนำธรรมะไปใช้จนประสบความสำเร็จในชีวิตรวยกันเยอะแยะ ไม่เอามาออกข่าว ถ้าจะยุติธรรมต้องเอาคนสองเคสมาเปรียบเทียบจำนวนกัน +++**สวดธรรมจักรฯบูชา---------- พระรัตนตรัย***
    สวดบูชาพระพุทธเจ้าจำนวน----- บ่สุดสิ้น***
    อนิสงฆ์ผลบุญแผ่ไพศาล----บ่สิ้นสุดอจินไตย****
    อนันผลบุญนับอสงไขยนับบ่ได้ ----ปลื้มใจแผ่ไพศาล

    ตอบลบ
  3. สวดมนต์กันวันละนิดจิตแจ่มใส
    สวดมนต์ให้ใจสบายแสนสุขสันต์
    สวดมนต์แล้วมีความสุขทุกคืนวัน
    สวดมนต์กันชีวันสุขตลอดกาล...

    ตอบลบ
  4. ชนพาลเมื่อกล่าวคำเป็นทุพภาษิตชื่อว่าย่อมตัดตนด้วยศัสตราใด
    ก็ศัสตรานั้นย่อมเกิดในปากของบุรุษผู้เกิดแล้ว
    ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรถูกติ หรือติผู้ที่ควรได้รับความสรรเสริญ
    ผู้นั้นชื่อว่าสั่งสมโทษด้วยปาก เพราะโทษนั้น เขาย่อมไม่ประสบความสุข.
    ความปราชัยด้วยทรัพย์ในเพราะการพนันทั้งหลาย พร้อมด้วย
    สิ่งของของตนทั้งหมดก็ดี พร้อมด้วยตนก็ดี ก็เป็นโทษเพียงเล็กน้อย.
    บุคคลใดทำใจให้ประทุษร้ายในท่านผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย ความ
    ประทุษร้ายแห่งใจของบุคคลนั้นเป็นโทษใหญ่กว่า.
    บุคคลตั้งวาจาและใจอันลามกไว้เป็นผู้มักติเตียนพระอริยเจ้า
    ย่อมเข้าถึงนรกซึ่งมีปริมาณแห่งอายุถึงแสนสามสิบหกนิรัพพุทะกับห้าอัพพุทะ.
    (สํ.สคา.(ไทย) 15/605/187)

    ตอบลบ
  5. นิสัยบัณทิตย่อมไม่ว่าร้ายผู้อื่น เท่าที่ได้สัมผัสและรู้จักคนที่เข้าวัดนี้ถือศีลกันเป็นปกติ อย่างน้อยก้ศีล5เป็นพื้นฐาน ส่วนคนที่ชอบมาตำหนิติเตียนวัดนี้ก้ไม่รู้เหมือนกันว่าแม้แต่ศีล5 เคยรู้จักหรือเคยปฏิบัติตามกันบ้างหรือไม่

    ตอบลบ
  6. เห็นด้วยกับหัวข้อบทความนี้มากค่ะ คนที่ด่า วัดพระธรรมกาย ตัวเองเลิกอบายมุขหรือยัง ศีลห้าครบหรือเปล่า ทำตังเองให้สะอาดก่อน มองตัวเองก่อนเถอะค่อยเอื้อเฟื้อคนอื่น ถ้าไม่อยากทำบุญไม่มีใครบังคับ เงินอยู่ในกระเป๋าคุณค่ะ ไม่มีใครไปล้วงออกมา ถ้าคุณไม่ล้วงเอง

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.