หรือจะ"คว่ำบาตร"ครั้งแรกในสยาม

หรือจะ"คว่ำบาตร"ครั้งแรกในสยาม

ภาพที่พระสงฆ์เดินถือบาตรออกไปในเวลาเช้า เพื่อไปโปรดสัตว์และให้โยมรู้จักการให้นั้นเป็นภาพที่คุ้นตา แต่หากเมื่อใดสงฆ์ถูกรุกราน ด้วยใครก็ตามที่สร้างความแตกแยก สงฆ์จะร่วมกันทำการที่เรียกว่า “คว่ำบาตร” เรื่องราวจะเป็นอย่างไรโปรดติดตาม

คำว่า "คว่ำบาตร" เป็นคำที่เราเองชัดในความหมายอยู่แล้ว การคว่ำบาตร (boycott) หมายถึง การยุติการติดต่อกันในมิติใดมิติหนึ่ง เพื่อประโยชน์ในการลงโทษ ต่อรอง หรือเพื่อตักเตือน 

เช่น การคว่ำบาตรทางการค้า การส่งออก หรือ ทางการเมือง เป็นต้น แม้ปัจจุบันประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับการคว่ำบาตรจากหลายประเทศอย่างเลี่ยงไม่ได้

เพราะเหตุจากการรัฐประหารที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน  แต่จะมีใครรู้บ้างว่าในทางพระพุทธศาสนาก็มีการคว่ำบาตรเช่นเดียวกัน 

เหตุของการเกิดคำนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะพระสงฆ์ปกครองดูแลตนเองตามธรรมวินัยของพุทธองค์อย่างสงบเสมอมา แต่เมื่อไหร่มีการก่อความเดือดร้อน ใส่ร้าย สร้างความแตกแยก จากสงฆ์บางรูปหรือจากบุคคลบางกลุ่ม คณะสงฆ์สามารถมีมติชัดที่จะ “คว่ำบาตร” และกล่าวประกาศให้รู้กันทั้งสังฆมณฑล 

ดังเช่นในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงลงโทษคว่ำบาตรแก่วัฑฒะลิจฉวีผู้ใส่ร้ายพระทัพพมัลลบุตร ผู้เป็นพระอรหันต์โดยไปฟ้องพระพุทธเจ้าว่า พระทัพพมัลลบุตรทำชู้ด้วยภริยาตน พระผู้มีพระภาคทรงประชุมสงฆ์ ไต่สวนได้ความเป็นสัตย์ว่า เป็นการแกล้งใส่ความกัน จึงทรงแนะสงฆ์ให้ลงโทษคว่ำบาตรแก่วัฑฒะลิจฉวี เมื่อพระอานนท์ไปแจ้งให้วัฑฒะลิจฉวีทราบว่า บัดนี้สงฆ์ได้คว่ำบาตร ไม่เกี่ยวข้องด้วยแล้ว วัฑฒะลิจฉวีเสียใจถึงสลบ

การคว่ำบาตรในพระพุทธศาสนาเหมือนกระตุกเตือนให้ผู้ที่กระทำผิดให้สำนึกและแก้ไขตนเองเสียใหม่ เพราะทราบดีว่ามนุษย์ทุกคนยังถูกกิเลสครอบงำบังคับให้ทำกรรมอยู่

เมื่อไหร่ที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ยังอาจกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีได้ ซึ่งขณะนั้นเมื่อวิฑฒะลิจฉวีได้สำนึกผิด จึงไปกราบทูล ขอขมาพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคทรงเห็นว่าวัฑฒะลิจฉวีสำนึกตนยอมรับผิด จึงตรัสแนะให้สงฆ์ประกาศหงายบาตร นี้คือความเมตตาของพระพุทธองค์ 

กลับมาในปัจจุบันนี้ เราต่างทราบสถานการณ์ในพระพุทธศาสนาว่ากำลังมีภัยเพราะมีพระและบุคคลของรัฐบางกลุ่มกำลังใช้อำนาจตนลิดรอนการตัดสินใจมหาเถรสมาคมจากสังฆามติอย่างชัดเจน 

ซึ่งถือเป็นการตัดสินของพระสงฆ์ทั้งประเทศ  กอปรทั้งมุ่งทำร้าย ว่าร้าย สร้างความแตกแยกอย่างไม่สิ้นสุด โดยเจ้าหน้าที่รัฐเองที่รับผิดชอบก็เพิกเฉย 

สงฆ์ในฐานะผู้ได้รับความเดือดร้อนจึงสามารถเรียกร้องให้ทำการคว่ำบาตรต่อกลุ่มคนดังกล่าวอย่างชัดเจน จึงอาจลงมติ “ คว่ำบาตร” รัฐเช่นเดียวกัน 

หมายถึงการตัดขาดความสัมพันธ์ใดๆ กับรัฐทั้งหมด ซึ่งผลเสียย่อมเกิดอย่างแน่นอน เพราะกิจกรรมที่รัฐต้องทำในทางพระพุทธศาสนาจะไม่มีสงฆ์องค์ใดเข้าไปเกี่ยวข้องนับตั้งแต่วันที่ลงมติ 

อันนี้ทางรัฐควรพิจารณาให้ดี ซึ่งจะเสียมากกว่าได้ เพราะต้องให้ความเคารพต่อองค์พระกษัตราที่ทรงเป็นพุทธศาสนิกและอัครศาสนูปถัมภกเป็นสำคัญ 

และเมื่อมองไปยังกลุ่มบุคคลใดที่สงฆ์ลงมติคว่ำบาตรแล้ว ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและให้ความสนใจใด ๆ ในสิ่งที่คนพวกนี้ได้ทำ 

และขอย้ำว่า เมื่อยามสุดท้ายเวลาละโลกมาถึง ในศาลาสวดก็จะไม่มีแม้สงฆ์องค์ใดมาทำพิธีให้ จึงขอให้สดับรับฟังและนำไปปฏิบัติปรับปรุงให้ดีและถูกต้อง 

ไทธรรมรักษ์



หรือจะ"คว่ำบาตร"ครั้งแรกในสยาม หรือจะ"คว่ำบาตร"ครั้งแรกในสยาม Reviewed by bombom55 on 00:09 Rating: 5

3 ความคิดเห็น:

  1. มีความพยายามเอาฆราวาสปกครองสงฆ์มานาน

    ตอบลบ
  2. ธรรมะจะชนะอธรรมในที่สุด

    ตอบลบ
  3. รัฐบาลควรต้องเคารพพระสงฆ่ และเคารพต่อพุทธศาสนิกชนไทย ซึ่งเป็นคนส่วนใหญของประเทศนี้ ถ้าไม่เคารพ ไม่เกรงใจ คนไทยส่วนใหญ่ แล้วรัฐบาลจะปกครองใคร ชนกลุ่มน้อยหรือ ศาสนาอื่นที่เป็นคนส่วนน้อยหรือ อย่าลืม กำลังพลทหาร ตำรวจ ส่วนใหญ่เป็นคนชาวพุทธ พ่อแม่พี่น้องเขาก็เป็นชาวพุทธ บรรพบุรุษเขาก็ชาวพุทธ อำนาจจากกระบอกปืนจะยืนอยู่ได้นานสักเท่าไรกัน คิดมากๆ ก่อนทำนโยบายอะไร ที่ทำลายความสงบสุขบ้านเมือง มันคุ้มกันตรงไหน This is the facts that you know it so much as well and I am the one of Thai citizen wish to remind you all and stop controlling this country to the wrong ways

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.